ข้ามไปเนื้อหา

ศิปโปราห์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ศิปโปราห์
รายละเอียดจากภาพจิตรกรรม โมเสสออกจากอียิปต์ โดยปีเอโตร เปรูจีโน (ราว ค.ศ. 1482) ศิปโปราห์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีน้ำเงิน[1]
มีชื่อเสียงจากภรรยาของโมเสส
คู่สมรสโมเสส
บุตรเกอร์โชม (บุตรชาย)
เอลีเอเซอร์ (บุตรชาย)
บิดามารดาเยโธร (บิดา)
ญาติพี่สาวน้องสาวหกคน
อาโรน (พี่ชายของสามี)
มิเรียม (พี่สาวของสามี)

ศิปโปราห์ (อังกฤษ: Zipporah หรือ Tzipora, /ˈzɪpərə, zɪˈpɔːrə/; ฮีบรู: צִפּוֹרָה, Ṣīppōrā, "นก";)[a] เป็นบุคคลในหนังสืออพยพ เป็นภรรยาของโมเสสและเป็นบุตรสาวของเยโธร/เรอูเอล ผู้เป็นปุโรหิตแห่งมีเดียน[2]

ศิปโปราห์เป็นมารดาของบุตรชายสองคนของโมเสสคือเกอร์โชมและเอลีเอเซอร์

ในหนังสือพงศาวดารมีการกล่าวถึงหลานชายสองคนของศิปโปราห์ ได้แก่ เชบูเอลผู้เป็นบุตรชายของเกอร์โชม และเรหับยาห์ผู้เป็นบุตรชายของเอลีเอเซอร์ (1 พงศาวดาร 23:16-17)

เรื่องเล่าในคัมภีร์ไบเบิล

[แก้]
เหล่าบุตรสาวของเยโธร โดย Théophile Hamel (ราว ค.ศ. 1850)

ภูมิหลัง

[แก้]

ในหนังสืออพยพ ศิปโปราห์เป็นบุตรหญิงคนหนึ่งจากบุตรหญิงทั้งหมดเจ็ดคนของเยโธร คนเลี้ยงสัตว์ชาวเคไนต์ผู้เป็นปุโรหิตแห่งมีเดียน[3] ในอพยพ 2:18 เยโธรมีอีกชื่อเรียกว่าเรอูเอล และในหนังสือผู้วินิจฉัย (ผู้วินิจฉัย 4:11 ) มีอีกชื่อเรียกว่าโฮบับ[4] โฮบับยังเป็นชื่อของบุตรชายของเยโธรในกันดารวิถี 10:29

โมเสสสมรสกับศิปโปราห์

[แก้]

ในช่วงที่ชาวอิสราเอล/ชาวฮีบรูเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ โมเสสสังหารชาวอียิปต์คนหนึ่งที่ตีชาวฮีบรู ทำให้ฟาโรห์ทรงขุ่นเคืองและหาทางจะสังหารโมเสส โมเสสจึงหนีออกจากอียิปต์และมาถึงแดนมีเดียน วันหนึ่งระหว่างที่โมเสสนั่งอยู่ริมบ่อน้ำแห่งหนึ่ง เหล่าบุตรหญิงของราอูเอลมาตักน้ำเพื่อไปเลี้ยงฝูงแพะแกะของบิดา มีคนเลี้ยงแพะแกะคนอื่น ๆ มาถึงและขับไล่หญิงสาวเหล่านั้นออกไปเพื่อจะได้ตักน้ำไปเลี้ยงฝูงแพะแกะของตนก่อน โมเสสปกป้องหญิงสาวเหล่านั้นและช่วยตักน้ำมาเลี้ยงฝูงแพะแกะ เมื่อเหล่าหญิงสาวกลับมาบ้าน ราอูเอลผู้บิดาจึงถามว่า "วันนี้ทำไมพวกเจ้าจึงกลับเร็วนัก?" เหล่าหญิงสาวตอบว่า "มีชายอียิปต์คนหนึ่งช่วยเราพ้นจากมือของพวกคนเลี้ยงแกะ ทั้งยังตักน้ำให้เรา และให้ฝูงแพะแกะกินด้วย" ราอูเอลจึงถามว่า "ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน? ทำไมจึงทิ้งเขาไว้ล่ะ? ไปเชิญเขามารับประทานอาหารสิ" จากนั้นราอูเอลจึงมอบศิปโปราห์ที่เป็นบุตรสาวคนหนึ่งให้เป็นภรรยาของโมเสส (อพยพ 2:11 -21)

เหตุการณ์ในที่พักระหว่างทาง

[แก้]

ภายหลังจากพระเจ้ามีรับสั่งให้โมเสสกลับไปอียิปต์เพื่อปลดปล่อยชาวอิสราเอล โมเสสได้พาภรรยาและบุตรชายออกเดินทาง ระหว่างทางได้เข้าพักในโรงแรม พระเจ้าเสด็จมาด้วยพระประสงค์จะประหารโมเสส ศิปโปราห์จึงรีบตัดหนังหุ้มปลายองคชาต (สุหนัต) ของบุตรชายคนหนึ่งด้วยหินคมและนำหนังนั้นไปแตะเท้าของโมเสส แล้วพูดว่า "จริงนะ ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิตแก่ฉัน" พระเจ้าจึงทรงไว้ชีวิตโมเสส (อพยพ 4:24 -26) รายละเอียดของเรื่องราวนี้ไม่ชัดเจนและเป็นหัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกัน

การอพยพ

[แก้]
มิเรียมและอาโรนต่อว่าโมเสส ภาพวาดจาก The Bible and Its Story, Taught By One Thousand Picture Lessons (ค.ศ. 1908)

หลังจากโมเสสนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ได้สำเร็จและชนะในยุทธการกับชาวอามาเลข ราอูเอลได้มาที่ค่ายของชาวอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารที่เขาซีนาย พร้อมกับพาศิปโปราห์และบุตรชายสองคนคือเกอร์โชมและเอลีเอเซอร์มาด้วย คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ระบุว่าศิปโปราห์และบุตรชายกลับไปอยู่กับราอูเอล/เยโธรตั้งแต่เมื่อใด ระบุเพียงว่าหลังจากที่ราอูเอลได้ยินถึงกิจการทุกอย่างที่พระเจ้าทรงทำเพื่อชาวอิสราเอล จึงพาครอบครัวของโมเสสไปด้วยกันกับตน คำแปลส่วนมากระบุว่าโมเสสส่งศิปโปราห์กลับไป แต่การแปลตามหลักไวยากรณ์อีกอย่างหนึ่งคือศิปโปราห์ส่งส่งของหรือบุคคลไปให้เรอูเอล ซึ่งอาจเป็นการประกาศชัยชนะเหนือชาวอามาเลข[5] คำที่เป็นปัญหาในการแปลคือ shelucheiha การส่ง[ออกไป]ของเธอ (อพยพ 18:2 )

อ้างอิง

[แก้]
  1. Harwood, Edith (1907). Notable pictures in Rome (ภาษาอังกฤษ). J.M. Dent. p. 6.
  2. * Corduan, Winfried (2013). Neighboring Faiths: A Christian Introduction to World Religions. InterVarsity Press. p. 107. ISBN 978-0-8308-7197-1.
  3. Harris, Stephen L., Understanding the Bible. Palo Alto, California: Mayfield. 1985.
  4. "Judges 4 / Hebrew – English Bible / Mechon-Mamre". mechon-mamre.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-19. สืบค้นเมื่อ 2014-04-05.
  5. See e.g. Ibn Ezra on Exodus 18:2 – ור׳ ישועה אמר: ששלוחיה הוא דורון ומנחה, כמו: שלוחים לבתו (מלכים א ט׳:ט״ז). והטעם: אחר שיגרה דרונה וזה קרוב אלי.

อ่านเพิ่มเติม

[แก้]


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน