ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ ชั้น 5
พระองค์เจ้าชั้นโท
ประสูติ1 เมษายน พ.ศ. 2458
พระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม
สิ้นพระชนม์2 มกราคม พ.ศ. 2541 (82 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
พระราชทานเพลิง11 เมษายน พ.ศ. 2541[1]
พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส
หม่อม
พระบุตร
ราชสกุลยุคล
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์
พระมารดาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล
ศาสนาพุทธ
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ ไทย
แผนก/สังกัดกองทัพไทย
ชั้นยศ พลโท[2]
พลเรือโท
พลอากาศโท [3]

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ หรือ พระองค์ชายเล็ก (1 เมษายน พ.ศ. 2458 – 2 มกราคม พ.ศ. 2541)[4] เป็นพระโอรสองค์สุดท้องใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาใน สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมพระครรโภทรกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ประสูติเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458 ที่ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ขณะที่พระบิดาทรงรับราชการเป็นอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ มีพระเชษฐา 2 พระองค์[5] คือ

พระประวัติ

[แก้]

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ประสูติเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458 ณ พระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม เป็นพระโอรสในนายพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาในจอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) ซึ่งเป็นพระโสทรานุชาในรัชกาลที่ 5 มีพระเชษฐา 2 พระองค์ คือ

การศึกษา

[แก้]

ทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในยุคลที่หลวงปิยะวิทยาการ เป็นอาจารย์ใหญ่ และต่อมาได้ประชวรเป็นพระโรคร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงทรงต้องออกจากโรงเรียน พระบิดาทรงตั้งการสอนขึ้นที่พระตำหนักเขาน้อย จนกระทั่งพระบิดาทรงย้ายกลับเข้าพระนคร ประมาณปี พ.ศ. 2468 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ประมาณ 2-3 ปี จึงได้เสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เมื่อพระชันษาเพียง 10 พรรษา และพอครบเกณฑ์เข้ารับดับมหาวิทยาลัยได้ทรงเข้าศึกษาที่ Birmingham University นอกจากนี้ยังได้ทรงศึกษาหลักสูตรอื่น ๆ เพิ่มเติม คือ ฝึกการบินพลเรือนจนได้รับปีกวิทยฐานะ รุ่นที่ 26 และทรงฝึกอบรมหลักสูตรบรรเทาสาธารณภัย รุ่นที่ 5 และในปี พ.ศ. 2490 ได้เสด็จไปศึกษาวิชาทหารเพิ่มเติมในหลักสูตรพาหนะและการขนส่งทางทหาร ที่ Fort Eustis, Virginia. USA

สิ้นพระชนม์

[แก้]

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2541 ด้วยพระโรค พระหทัยล้มเหลว สิริพระชันษา 82 ปี 276 วัน ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร​ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ไปพระราชทานนํ้าทรงพระศพ พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ในการนี้พระราชทานโกศกุดั่นน้อยทรงพระศพ แวดล้อมด้วยเครื่องสูงตามพระเกียรติยศ และในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร​ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส[1]

การทรงงาน

[แก้]

หลังจากเสด็จกลับจากประเทศอังกฤษแล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้เข้ารับราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยได้รับพระราชทานพระยศว่าที่ร้อยตรี เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2481 ประจำกรมพาหนะทหารบก ก่อนจะได้รับพระราชทานพระยศเป็น ร้อยตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482[6]และได้ทรงย้ายไปประจำการหลายแห่งด้วยกัน เช่น กรมสารวัตรทหารบก กรมทหารสื่อสารในตำแหน่งหัวหน้ากองการภาพ และทรงเป็นที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นต้น และที่สุดครบเกษียณอายุราชการในขณะดำรงพระยศพันเอก สังกัดเหล่าทหารสื่อสาร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานพระยศ พลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี[7]

นอกจากนี้ยังทรงดำรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมนักเรียนนายเรือ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ และ ประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ อีกด้วย[8] และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศทหารเป็นกรณีพิเศษ ให้พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ซึ่งได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณในฐานะผู้แทนพระองค์ไปในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างสูงมาโดยตลอด และได้ทรงช่วยเหลือราชการแผ่นดิน เป็นผลดีแก่ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง เป็น พลโท พลเรือโท พลอากาศโท ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป[9]

ความสนพระทัยและการทรงงานด้านภาพยนตร์

[แก้]

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สนพระทัยด้านภาพยนตร์ ตั้งแต่พระชนมายุ 17-18 พรรษา ซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงศึกษาฝึกงานละครที่อังกฤษและภาพยนตร์ที่ฮอลลีวู๊ด โดยทรงรับจ้างเกี่ยวกับงานละครของบริษัทอังกฤษ ชื่อ โกมองห์ บริติส ซึ่งเป็นงานกึ่งรับจ้างกึ่งเรียนในลักษณะฝึกงาน โดยทรงทำตั้งแต่งานเคลื่อนย้ายยกไฟเรื่อยมา จนสุดท้ายได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ (มีพระนามปรากฏในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับสองเรื่อง)[10] ทำให้ทรงรู้จักกับนักเขียนบทละครและดาราชื่อดัง คือ ไอเวอร์ โนเวลโล และเป็นผู้สนับสนุนให้พระองค์ทำหน้าที่คอลล์บอย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่ทำหน้าที่เรียกตัวละครมาเข้าฉาก ทำให้ทรงต้องอ่านบทละครจนจำได้อย่างแม่นยำจึงจะสามารถเรียกตัวละครได้ถูกต้อง ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์พื้นฐานด้านการละครของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ[11]

ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ทำให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ตัดสินพระทัยเสด็จกลับประเทศไทย ซึ่งนอกเหนือจากงานในหน้าที่ราชการทหารแล้ว ยังทรงทำละคร โดยทรงเริ่มต้นจากการเป็นที่ปรึกษาของพระนางเธอลักษมีลาวัณ ซึ่งทรงทำละครอยู่หลายเรื่องด้วยกัน โดยเรื่องที่ทรงทำถวายพระนางเธอลักษมีลาวัณทั้งหมดด้วยพระองค์เอง คือเรื่อง สังข์ทอง โดยทรงนำมาแปลงเป็นเรื่องสั้นๆ สมัยใหม่เรียกว่า ละครดึกดำบรรพ์ จากละครทรงย้ายไปผลิตผลงานด้านโทรทัศน์ ท้ายสุดได้ทรงก่อตั้ง บริษัทละโว้ภาพยนตร์ (Lavoa Motion Pic. Prod) สัญลักษณ์พระปรางค์สามยอด สร้างเรื่อง หนามยอกหนามบ่ง ของไม้เมืองเดิม เมื่อ พ.ศ. 2483 (เอกสารบางเล่ม กล่าวว่า พ.ศ. 2479)[12]โดยจะทรงเขียนบท ถ่ายทำ และล้างฟิล์มด้วยพระองค์เอง

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สร้างยุคบุกเบิกและผู้นำความแปลกใหม่มาสู่วงการภาพยนตร์ไทย โดยเฉพาะยุคที่เปลี่ยนจาก 16 มม. มาเป็น 35 มม. มีภาพยนตร์เด่นหลายเรื่อง ได้แก่ นางทาษ, เงิน เงิน เงิน, อีแตน, เกาะสวาทหาดสวรรค์ และ แม่นาคพระนคร

ทรงได้รับรางวัลพิเศษ"ดาราทอง"เนื่องในงานภาพยนตร์แห่งชาติรางวัลพระสุรัสวดี ครั้งที่ 16 ประจำปี พ.ศ. 2535 และการยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้สร้างภาพยนตร์-ผู้กำกับภาพยนตร์) ประจำปี พ.ศ. 2539

ตำแหน่งท้ายสุดทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิหนังไทย

ครอบครัว

[แก้]

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงเสกสมรสกับ หม่อมฟองจันทร์ ยุคล ณ อยุธยา[13] และ หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยมีโอรสธิดาดังนี้

ฟองจันทร์ ศิริวัติ หรือ เจ้าฟองจันทร์ อินทขัติย์ เชื้อสายจากตระกูล ณ เชียงใหม่ (นางงามเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2477) โดยมีพิธีแต่งงานแบบชาวเหนือ มีพิธีผูกข้อมือและบายศรีสู่ขวัญโดยเจ้าแก้วนวรัฐ[14][15] มีพระธิดา ได้แก่

  • ท่านหญิงจันทรจรัสศรี ไพบูลย์เลิศ พระนามเดิม หม่อมเจ้าจันทรจรัสศรี ยุคล หรือ ท่านหญิงเล็ก (2 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ ประพันธุ์ ไพบูลย์เลิศ มีบุตร 2 คน
    • คัจฉพงศ์ ไพบูลย์เลิศ
    • สกลกาจ ไพบูลย์เลิศ
  • ท่านหญิงภุมรีภิรมย์ เชลล์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าภุมรีภิรมย์ ยุคล หรือ ท่านหญิงน้อย (ประสูติ 22 มีนาคม พ.ศ. 2482) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ โรมาโน ลุคโก และ ชอง มารี เชลล์ มีบุตร-ธิดา 5 คน
    • เกอาตอง ลุคโก
    • วาลีลี ลุคโก
    • อเล็กซานเดอร์ ลุคโก
    • ซาเวียร์ ลุคโก
    • ปิแอร์ ลุยจิ ลุคโก
  • ท่านหญิงมาลินีมงคล อมาตยกุล พระนามเดิม หม่อมเจ้ามาลินีมงคล ยุคล หรือ ท่านหญิงหยอย (24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ อรุณ อมาตยกุล
  • ท่านหญิงปัทมนรังษี เสนาณรงค์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าปัทมนรังษี ยุคล หรือ ท่านหญิงเม้า (ประสูติ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2484) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์ มีบุตร-ธิดา 3 คน
    • ปัทมศักดิ์ เสนาณรงค์
    • ปัทมนิธิ เสนาณรงค์ สมรสกับ ฌาริณีย์ เสนาณรงค์ มีธิดา 1 คน
      • กอบัว เสนาณรงค์
    • ปัทมวดี เสนาณรงค์
  • หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านชายมุ้ย (ประสูติ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485) เสกสมรสกับศริยา บุษปวณิช มีหม่อม คือ วิยะดา อุมารินทร์, ภรณี เจตสมมา และหม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา มีโอรส-ธิดา 6 คน
    • หม่อมราชวงศ์ปัทมนัดดา ยุคล หรือ คุณหญิงนุ้ย (เกิด 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2506) ในหม่อมศริยา
    • หม่อมราชวงศ์เดชาเฉลิม ยุคล ในหม่อมศริยา
    • หม่อมราชวงศ์มงคลชาย ยุคล หรือ คุณชายเอี่ยว (เกิด พ.ศ. 2517) ในหม่อมวิยะดา สมรสกับ มนรดา ยุคล ณ อยุธยา มีบุตร-ธิดา 4 คน
      • หม่อมหลวงเอวิตา ยุคล หรือ ชะเอม (เกิด พ.ศ. 2537)
      • หม่อมหลวงอนุชา ยุคล หรือ แอ็กชั่น (เกิด พ.ศ. 2541)
      • หม่อมหลวงเอมิรินดา ยุคล หรือ อิ่ม (เกิด พ.ศ. 2551)
      • หม่อมหลวงอมลรดา ยุคล หรือ อุ่น (เกิด พ.ศ. 2553)
    • หม่อมราชวงศ์สุทธิภาณี ยุคล ในหม่อมภรณี
    • หม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล หรือ คุณหญิงแมงมุม (เกิด 13 ตุลาคม พ.ศ. 2527) ในหม่อมกมลา สมรสกับ พลตรี พัชร รัตตกุล
    • หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม (เกิด 28 กันยายน พ.ศ. 2528) ในหม่อมกมลา
  • พลตรี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ ท่านชายใหม่ (ประสูติ 22 มกราคม พ.ศ. 2490) เสกสมรสครั้งแรกกับ หม่อมศิริพร ยุคล ณ อยุธยา (เสนาลักษณ์) (1 สิงหาคม พ.ศ. 2495 – 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2532) มีโอรส-ธิดา 2 คน
    • หม่อมราชวงศ์รังษิพันธ์ ยุคล หรือ คุณชายเหมา (เกิด 15 มีนาคม พ.ศ. 2518)
    • หม่อมราชวงศ์จันทรลัดดา ยุคล หรือ คุณหญิงแอร์ (เกิด 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520) สมรสกับ พลตรี วรรธ อุบลเดชประชารักษ์ มีบุตร 3 คน
      • พลาย อุบลเดชประชารักษ์
      • พร้อม อุบลเดชประชารักษ์
      • พจน์ อุบลเดชประชารักษ์
และเสกสมรสครั้งที่สองกับ หม่อมอัญชลี ยุคล ณ อยุธยา (ขัติยสุรินทร์) (เกิด 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2499) มีธิดา 2 คน
  • หม่อมราชวงศ์แม้นนฤมาส ยุคล สวัสดิ์-ชูโต หรือ คุณหญิงแม้น (เกิด 17 กันยายน พ.ศ. 2533) สมรสกับ ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต มีบุตร 1 คน
    • จุลสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต
  • หม่อมราชวงศ์จันทรนิภา ยุคล หรือ คุณหญิงไหม (เกิด 3 มกราคม พ.ศ. 2535)

ผลงาน

[แก้]

ภาพยนตร์

[แก้]

ละโว้ภาพยนตร์

หนังเงียบขาวดำ 35 มม.

หนังสี 16 มม.พากย์

หนังสี 35 มม.ไวด์สกรีน เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

กันตนาภาพยนตร์ - ละโว้ภาพยนตร์

หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

ธรรมจักรภาพยนตร์ - ละโว้ภาพยนตร์

หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

สหมงคลฟิล์ม - ละโว้ภาพยนตร์

หนังสี 35 มม. ซีเนมาสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

พร้อมมิตรภาพยนตร์ (พร้อมมิตรโปรดักชั่น )

หนังสี 35 มม. ไวด์สกรีน ซาวออนฟิล์ม

การจัดจำหน่ายของละโว้ภาพยนตร์

หนังสือ

[แก้]

พระเกียรติยศ

[แก้]
ธรรมเนียมพระยศของ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
การทูลฝ่าพระบาท
การแทนตนเกล้ากระหม่อม/เกล้าหม่อมฉัน
การขานรับเกล้ากระหม่อม/เพคะ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์[1] ดังนี้

พระยศ

[แก้]

พระยศทางทหาร

[แก้]
  • 1 เมษายน พ.ศ. 2482: นายร้อยตรี[26]
  • 1 มกราคม พ.ศ. 2497: ร้อยเอก[27]
  • 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2498: พันตรี[28]
  • 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508: พันโท[29]

พงศาวลี

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 "ข่าวในพระราชสำนัก [10-15 เมษายน 2541" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 115 (34 ง): 184. 28 เมษายน 2541. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2564. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. พระราชทานยศพลโท
  3. [1]
  4. ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
  5. กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร. ย้อนรอยราชสกุลวงศ์"วังหลวง". กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า, พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2549. 304 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-941-205-2
  6. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง พระราชทานยศทหาร (หน้า 407)
  7. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/D/033/5.PDF
  8. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ 14 กุมภาพันธ์ 2535http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/D/033/5.PDF
  9. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหาร http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/B/005/2.PDF
  10. คำประกาศเกียรติคุณ พลโท พระเจ้าวรวงเธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ศิลปินแห่งชาติ สำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ 2539
  11. พระประวัติและผลงาน พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงhttp://book.culture.go.th/artist/artist2539/mobile/index.html#p=41
  12. โดม สุขวงศ์ ,ประวัติภาพยนตร์ไทย ,องค์การค้าของคุรุสภา, 2533 ISBN 974-005-244-4 หน้า 34
  13. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-21. สืบค้นเมื่อ 2007-07-18.
  14. พิมาน แจ่มจรัส. รักในราชสำนัก. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2544. 448 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-341-064-3
  15. กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
  16. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๒๐๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๓, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๕
  17. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๗ ข หน้า ๑, ๔ พฤษภาคม ๒๕๓๙
  18. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๘, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙
  19. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๖, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
  20. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ, เล่ม ๑๐๘ ตอนที่ ๑๓๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๘, ๑๐ สิงหาคม ๒๕๓๔
  21. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๔ ตอนที่ ๒๙ ข หน้า ๑๘, ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๐
  22. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๘๐ ตอนที่ ๑๒๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๕๒๖, ๒๗ ธันวาคม ๒๕๐๖
  23. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๔๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๒๒, ๒ พฤศจิกายน ๒๔๖๗
  24. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญ, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๒๙๙, ๖ มีนาคม ๒๔๖๙
  25. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๗๐ ตอนที่ ๑๗ ง หน้า ๑๐๑๑, ๑๐ มีนาคม ๒๔๙๖
  26. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  27. ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  28. ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  29. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร


แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]