ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย"

พิกัด: 13°44′30″N 100°31′52″E / 13.741647°N 100.531050°E / 13.741647; 100.531050
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Krisana.supa (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนกลับไปรุ่นที่ 11121432 โดย Tvcccp (พูดคุย) ด้วยสจห.
ป้ายระบุ: ทำกลับ
บรรทัด 16: บรรทัด 16:


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
[[พ.ศ. 2461]] [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย|สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย]] มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ[[โรงเรียนเพาะช่าง]] จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ [[8 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2465]] ตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการ ได้บริหารการศึกษาศิลปหัตถกรรม ของ[[โรงเรียนเพาะช่าง]]ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ได้รับความนิยมตั้งแต่พระมหากษัตริย์ จนถึงเจ้านาย ข้าราชการ และบุคคลทั่วไป ตลอดชาวต่างประเทศ ทรงจัดตั้งแผนกช่างทอง แผนกเจียระไนเพชร พลอย แผนกทำบล็อกสกรีน โดยเฉพาะเครื่องถม ได้ขยายวิธีการไปอย่างกว้างขวางจนเป็นที่แพร่หลาย เป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบันคือ “ ถมจุฑาธุช “ ทรงจัดให้มีพิธีไหว้ครูช่างแบบอย่างโบราณขึ้นใน[[โรงเรียนเพาะช่าง]]เป็นครั้งแรก เมื่อ [[พ.ศ. 2463]] และทรงคิดสีประจำโรงเรียนคือ สีแดง-ดำ สีแดงหมายถึงเลือดของช่าง สีดำหมายถึงไม่ใช่ช่าง เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้ช่างทั้งหลายได้มีเลือดเป็นสีแดงอยู่เสมอ อย่าให้สีแดงของช่างจางไปหรือกลายเป็นสีดำ
โรงเรียนช่างก่อสร้าง อุเทนถวาย เกิดก่อน ทั้งเป็นโรงเรียนสำหรับพระนคร จึงต้องรับภาระอันจะเป็นแบบอย่างแห่งโรงเรียนช่างก่อสร้างทั้งหลาย กับเป็นที่เพาะวิชาครูช่างเพื่อไปเผยแผ่วิชาช่างในโรงเรียน ช่างก่อสร้างทั้งหลายอันจะเกิดขึ้นสะพรั่งตั้งแต่นี้ไป”
'''ทรงขยายแผนกการค้า ทรงสร้างห้องแสดงสินค้าห้องประชุมโรงเรียนเพาะช่าง จนกระทั่งนำผลกำไรจากการค้าของโรงเรียนช่าง ไปสร้างโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายขึ้นอีกโรงเรียนหนึ่ง คือ วิทยาเขตอุเทนถวาย ปัจจุบัน นั่นเอง'''


วิทยาเขตอุเทนถวาย ก่อตั้งขึ้นโดย[[เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี]] เมื่อวันที่ [[1 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2477]] โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนเพาะช่าง แผนกช่างก่อสร้าง โรงเรียนเพาะช่างก่อสร้างอุเทนถวาย หรือ "โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย" ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2518]] จึงได้โอนมาเป็นวิทยาเขตในสังกัดวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา และได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งในปี พ.ศ. 2533 เป็น "สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย" ปัจจุบัน เป็นวิทยาเขตหนึ่งของ[[มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก]] เปิดสอนในสาขา[[วิศวกรรมศาสตร์]]และ[[สถาปัตยกรรมศาสตร์]]
ข้อความดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในคำอวยพรของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ มอบให้แก่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายเมื่อแรกสถาปนาในพุทธศักราช 2475


พิ้นที่ของอุเทนถวายทำการเช่าที่ดิน[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] ตั้งแต่ปี 2478 มีการขอเจรจาคืนในปี 2518 มีแผนพัฒนา ศูนย์นวัตกรรมงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชนยั่งยืนในปี 2545 กรมธนารักษ์ได้มีการจัดหาพื้นที่ใหม่ให้อุเทนถวายจำนวน 35 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่กรมการบินพลเรือนและเป็นที่ราชพัสดุ <ref>{{Cite web|date=2005-04-26|title=อุเทนถวายได้ข้อสรุปวิทยาเขตใหม่ให้ตั้งที่บางพลี|url=https://mgronline.com/qol/detail/9480000055561|website=mgronline.com|language=th}}</ref>บริเวณ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี [[จังหวัดสมุทรปราการ]]<ref>{{Cite web|date=2017-04-12|title=จุฬาฯ แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ดิน|url=https://www.dailynews.co.th/education/176674|website=dailynews|language=th}}</ref><ref>{{Cite web|last=isranews|date=2013-03-15|title=จุฬาจี้ศธ.ประสานอุเทนถวายเจรจา|url=https://www.isranews.org/content-page/item/19994-จุฬาจี้ศธ-ประสานอุเทนถวายเจรจา.html|website=สำนักข่าวอิศรา|language=th-th}}</ref> ครม.จัดสรรงบเพื่อก่อสร้างและขนย้าย 200 ล้านบาท อุเทนถวายทำข้อตกลงกับจุฬาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2547 จะขนย้ายและส่งมอบให้แก่จุฬาภายในวันที่ 30 กันยายน 2548 หากจำเป็นผ่อนผันได้ไม่เกิน 1 ปี ปี 2548 มีการทำบันทึกข้อตกลงว่าอุเทนถวายจะย้ายไปก่อสร้างที่ใหม่ บริเวณบางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งนี้จะย้ายบุคลากรและนักศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 แต่การย้ายยังติดขัดปัญหาและเป็นไปอย่างล่าช้า กระทั่ง ปี 2550 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(กยพ.) ซึ่งระหว่างนั้นสโมสรนักศึกษาอุเทนถวาย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา 2 ครั้ง<ref>{{Cite web|last=ฐานเศรษฐกิจ|date=2023-02-16|title=เปิดปม "ย้ายอุเทนถวาย" เหตุจุฬาฯขอคืนพื้นที่ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด|url=https://www.thansettakij.com/news/general-news/556412|website=thansettakij|language=th-TH}}</ref> และปี 2552 กยพ.มีมติชี้ขาดให้อุเทนถวายขนย้ายทรัพย์สินและคืนพื้นที่ให้จุฬาฯ และชำระค่าเสียหายปีละล้านบาทเศษ จนกว่าจะส่งมอบพื้นที่เสร็จ ส่วนผลการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา สำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือยืนยันผลชี้ขาดตามมติของ กยพ. และทางจุฬาฯ ก็ไม่ได้ทวงเงินค่าเสียหายจากอุเทนถวายแต่อย่างใด ต่อมาในเดือนธันวาคม 2565 [[ศาลปกครองสูงสุด]] ศาลมีคำสั่งให้อุเทนถวายย้ายออกจากพิ้นที่ โดยจะต้องดำเนินการภายใน 60 วันหลังจากมีคำสั่ง<ref>{{Cite web|date=2023-02-16|title=‘อุเทนถวาย’ ชุมนุมค้านย้ายที่ตั้งใหม่ โพลชี้ 74.43% หนุนอยู่ที่เดิม|url=https://www.komchadluek.net/news/education/543099|website=คมชัดลึกออนไลน์|language=th}}</ref> <ref>{{Citation|title=อุเทนถวายรวมตัวยื่นหนังสือ หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่ ปมข้อพิพาทที่ดินกับจุฬาฯ|url=https://news.ch7.com/detail/624601|language=th|access-date=2023-02-17}}</ref>
การจัดการศึกษาวิชาช่างไทยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชปรารภไว้แล้วแต่ยังมิทันได้โปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน กระทั่งถึงพุทธศักราช 2456 กระทรวงธรรมการ ซึ่งมีเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) เป็นเสนาบดี ได้จัดการก่อสร้างโรงเรียนฝึกหัดการหัตถกรรมเพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นที่บริเวณถนนตรีเพชรและนำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทานนาม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “โรงเรียนเพาะช่าง” และเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พุทธศักราช 2456 ครั้งนั้นมีพระราชดำรัสตอบความตอนหนึ่งว่า


== คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ==
“ตามที่เจ้าพระยาพระเสด็จอ่านรายงานเรื่องสร้างโรงเรียนนี้ว่า ได้กระทำขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์ถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถของเรานั้น เราเชื่อว่าถ้ามีวิถีอันใดที่กิตติศัพท์อันนี้จะทรงทราบถึงพระองค์ได้ แม้จะเสด็จอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม คงจะทรงยินดีและพอพระราชหฤทัยเป็นอันมาก เพราะว่าพระองค์ได้มีพระราชประสงค์อยู่นานแล้วที่จะทรงบำรุงศิลปวิชาการของไทยเราให้เจริญ ตัวเราเองก็ได้เคยฟังกระแสพระราชดำริอยู่เสมอ เราเห็นพ้องด้วยกระแสพระราชดํารินั้นตั้งแต่ต้นมา
* สาขา[[วิศวกรรมโยธา]]

* สาขาวิศวกรรมก่อสร้าง
คือเราเห็นว่าศิลปวิชาช่างเป็นสิ่งสำคัญอันหนึ่ง ซึ่งสำหรับแสดงให้ปรากฏว่า ชาติได้ถึงซึ่งความเจริญเพียงใดแล้ว…ฯลฯ…เราได้เคยปรารภกับเจ้าพระยาพระเสด็จและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องด้วยการศึกษาที่จะใช้วิชาช่างของเราตั้งขึ้นใหม่จากพื้นเดิมของเราแล้ว และขยายให้แตกกิ่งก้านสาขางอกงามยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนเอาพันธุ์พืชของเราเองมาปลูกลงในพื้นแผ่นดินของเรา แล้วบำรุงให้เติบโตงอกงาม ดีกว่าจะเอาพันธุ์ไม้ต่างประเทศมาปลูกลงในพื้นแผ่นดินของเรา อันไม่เหมาะกันโดยความประสงค์เช่นนี้ เมื่อเจ้าพระยาพระเสด็จมาขอชื่อโรงเรียน เราระลึกผูกพันอยู่ในความเปรียบเทียบกันต้นไม้ดังกล่าวนี้ เราจึงได้ให้ชื่อโรงเรียนนี้ว่า โรงเรียนเพาะช่าง”
* สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม

* สาขา[[สถาปัตยกรรมภายในภายนอก|สถาปัตยกรรมภายใน]]
โรงเรียนเพาะช่างเปิดสอนวิชาช่างหัตถกรรมไทยมาแต่แรกตั้ง มีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ทรงเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนตั้งแต่พุทธศักราช 2462 และทรงเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนเพาะช่างตั้งแต่พุทธศักราช 2465 กระทั่ง สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พุทธศักราช 2466
* สาขาออกแบบอุตสาหกรรม

* สาขาเทคโนโลยีโลจิสติกส์และการจัดการระบบขนส่ง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง ตามราชประเพณีที่ทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จเจ้าฟ้าต่างกรม และ “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินการพระราชกุศลถาวรวัตถุสำหรับงานพระเมรุ ท้องสนามหลวงคราวนี้ เปนเงิน 10,000 บาท ให้สร้างโรงงานนักเรียนเพาะช่าง ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่สมเด็จ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชร์บูรณ์อินทราชัย…”
* สาขาการบริหารงานก่อสร้าง

โรงงานของโรงเรียนเพาะช่างที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นนี้ ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายปัจจุบัน

สะพานอุเทนถวายซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานนักเรียนเพาะช่าง อันเป็นที่มาของชื่อโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายนั้น เป็นสะพานข้ามคลองสวนหลวง ถนนพญาไท คลองนี้เชื่อมต่อกับคลองอรชร ข้าราชการและพนักงานกรมสรรพากรในร่วมกันบริจาคเงินจำนวน 8,015 บาท 40 สตางค์ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างสะพานในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพุทธศักราช 2455 พร้อมกับสะพานช้างโรงสี ที่ข้ามคลองหลอดเยื้องกระทรวงกลาโหม ซึ่งรื้อของเดิม และสร้างขึ้นใหม่ ส่วนสะพานที่ข้าราชการกรมสรรพากรในประสงค์จะสร้างถวายนั้น โปรดเกล้าฯ ให้สร้างที่คลองสวนหลวง

ครั้งนั้นเจ้าพระยายมราชเสนาบดีกระทรวงวัง ซึ่งกำกับดูแลกรมสุขาภิบาล ได้เสนอชื่อสะพานที่จะสร้างใหม่ทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงเลือก 4 ชื่อ ได้แก่ สะพานอุเทนอุทิศ สะพานสรรพากรอุทิศ สะพานบริวารถวาย และสะพานเบญจมราชูทิศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “อุเทนถวาย”

กรมสรรพากรมีตราประจำกรมเป็นรูป “พระเจ้าอุเทนดีดพิณ” หรือ “อุเทนราชดีดพิณ” ดังนั้น “อุเทนราช” จึงเป็นสัญลักษณ์ของกรมสรรพากรและข้าราชการในสังกัด สะพานอุเทนถวายจึงหมายถึง “สะพานที่ข้าราชการกรมสรรพากรสร้างถวาย” สะพานนี้สร้างเสร็จและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทรงเปิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2456 ปัจจุบันสะพานดังกล่าวถูกรื้อแล้ว

กำเนิดช่างก่อสร้าง อุเทนถวาย

พุทธศักราช 2475 คณะราษฎรยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 ต่อมาถึงเดือนตุลาคม พุทธศักราช 2475 ระหว่างนั้นเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ได้มีคำสั่งเรื่องตั้งโรงเรียนวิสามัญศึกษาช่างก่อสร้าง เป็นการส่งเสริมการศึกษาวิชาช่างไทย ความในคำสั่งมีดังนี้

บัดนี้ถึงเวลาสมควรที่จะจัดตั้งโรงเรียนช่างก่อสร้างขึ้น เพื่อเป็นโรงเรียนฝึกหัดวิชชาชีพต่อไป เพราะฉะนั้นให้ตั้งโรงเรียนวิสามัญศึกษาขึ้นที่โรงงานของโรงเรียนเพาะช่าง ถนนพญาไท เชิงสะพานอุเทนถวาย ตำบลถนนพญาไทโรงหนึ่ง ให้ชื่อว่า “โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย” และขึ้นแขวงวิสามัญ กับให้มีกรรมการจัดการโรงเรียนขึ้นคณะหนึ่ง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่งแต่ ณ วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2475

(ลงนาม) เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เสนาบดี

โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับมกราคม 2554)

หลังจากมีคำสั่งตั้งโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายแล้ว เสนาบดีกระทรวงธรรมการได้เสนอโครงการจัดวิสามัญศึกษา แผนกโรงเรียนช่างก่อสร้างไปยังประธานคณะกรรมการราษฎร เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2475 การจัดการศึกษาในโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายกำหนดชั้นต้นกับชั้นกลาง ดังปรากฏในโครงการที่เสนอตอนหนึ่งว่า

“เวลานี้กำลังเริ่มตั้งโรงเรียนช่างก่อสร้างชั้นประถมวิสามัญกับมัธยมต้นวิสามัญซึ่งควรจะมีมากแห่งในพระนคร และในนิคมคามต่าง ๆ ได้ตั้งโรงเรียนแรกเรียกว่า โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย จะได้เปิดรับนักเรียนในไม่ช้า แผนกประถมวิสามัญรับนักเรียนจบประถมสามัญแล้ว ให้เรียนเป็นช่างไม้ช่างปูนและช่างทาสี แผนกมัธยมต้นวิสามัญรับนักเรียนจบมัธยมต้นแล้ว ให้เรียนวิชาช่างนั้น ๆ จนมีความรู้สูงขึ้นไปเป็นนายช่างคุมงานและกะงานอย่างหัวหน้าช่างจีนที่เรียกว่า ‘จีนเต็ง’ ได้ เวลาเรียนมีกำหนดราว 4 ปี ทั้ง 2 ชั้น มีการเรียนวิชชาสามัญเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อยตามสมควร…

โรงเรียนช่างชั้นสูงสอนวิชชาสถาปัตยกรรม หัดให้เป็นสถาปนิก Architect คือ นายช่างผู้ออกแบบการก่อสร้าง บัดนี้เปิดสอนอยู่แล้วในโรงเรียนเพาะช่าง ซึ่งต่อไปจะได้สมทบเข้าเป็นส่วนหนึ่งในมหาวิทยาลัยตามควรแก่ฐานชั้นอุดมศึกษา…”

เสนาบดีกระทรวงธรรมการมีบัญชาให้ตั้งคณะกรรมการจัดการโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ประกอบด้วย พระยาวิทยาปรีชามาตย์ พระยาปริมาณสินสมรรค พระยาโสภณหิรัญกิจ จมื่นสุรฤทธิ์พฤฒิไกร หลวงอาจอัคคีการ นายนารถโพธิประสาท และมีหลวงวิศาลศิลปกรรมเป็นครูใหญ่ เปิดรับนักเรียนเข้าศึกษาวิชาช่างก่อสร้าง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2476 ครั้งนั้นมีนักเรียนทุกชั้นทุกแผนกรวมกันจำนวน 92 คน

ถึงวันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2477 กระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งยุบโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ให้กลับไปสังกัดโรงเรียนเพาะช่างดังเดิม และแต่งตั้งให้ ร.อ. ขุนบัญชารณการ (วงศ์ จารุศร) รับมอบงานจากครูใหญ่คนเดิม ครั้นถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2477 (สมัยนั้นกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) พระสารศาสตร์ประพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีคำสั่งให้โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย แยกจากโรงเรียนเพาะช่างและแต่งตั้งให้ ร.อ. ขุนบัญชา รณการ (วงศ์ จารุศร) ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่

เมื่อกระทรวงธรรมการมีคำสั่งให้แยกโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายจากโรงเรียนเพาะช่างนั้น ผู้บริหารกระทรวงธรรมการมีความเห็นว่า นักเรียนช่างก่อสร้างควรได้ฝึกปรือความรู้ความชำนาญจากการก่อสร้างจริง ดังนั้น กระทรวงธรรมการจึงมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2477 ขอให้โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายเป็นผู้จัดสร้างอาคารในสังกัดของกระทรวงธรรมการโดยไม่ต้องมีการประกวดราคา ดังความตอนหนึ่งในหนังสือว่า

“อนึ่ง กระทรวงธรรมการมีโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายซึ่งจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือให้มีการงานบางอย่างทำ เพื่อเป็นการฝึกหัดของนักเรียน ฉะนั้นการก่อสร้างภายในวงงานของกระทรวงธรรมการ เมื่อกองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร เขียนแบบและคิดราคาเสร็จแล้ว ถ้าโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายจะรับทำได้ตามราคานั้น ก็ขออนุมัติเป็นพิเศษให้โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายทำ โดยไม่ต้องประกวดราคา…”

ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ผลงานของโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายในระยะนั้นมีมากมาย เช่น อาคารเรียนโรงเรียนศึกษานารี อาคารสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยา อาคารโรงเรียนช่างกลปทุมวัน อาคารโรงเรียนเสาวภา เป็นต้น

ต่อมา โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายได้เป็นผู้สร้างอาคารที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงธรรมการอีกหลายแห่ง เช่น ในปีพุทธศักราช 2488 กระทรวงคมนาคมจ้างเหมาให้ก่อสร้างอาคารของกรมรถไฟที่จังหวัดนครราชสีมา ระยะเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อก่อสร้างอาคารต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยตามสัญญาแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ส่งมอบงาน บริเวณสถานีรถไฟนครราชสีมาถูกโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2488 เครื่องบินทิ้งระเบิดถูกอาคารของกรมรถไฟที่สร้างขึ้นบริเวณนั้น ทำให้อาคารเสียหายอย่างหนัก ครูผู้ควบคุมงาน 1 ราย และคนงานอีก 2 ราย เสียชีวิต

โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ กระทั่งถึงพุทธศักราช 2517 กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศยกฐานะเป็นวิทยาลัยอุเทนถวาย และในพุทธศักราช 2518 โอนเข้าสังกัดเป็นวิทยาเขตหนึ่งของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตอุเทนถวาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กันยายน พุทธศักราช 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เป็น สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ทำให้โรงเรียนช่างก่อสร้างแห่งนี้ได้นามใหม่ว่า สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย และปัจจุบันโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายมีสถานภาพเป็น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

ช่างก่อสร้างอุเทนถวายเป็นสถาบันการศึกษาเก่าแก่ เป็นโรงเรียนช่างก่อสร้างแห่งแรกที่อุบัติขึ้นในประเทศไทยและผลิตช่างฝีมือคุณภาพออกรับใช้สังคมอย่างต่อเนื่อง เกียรติภูมิของสถาบันแห่งนี้เป็นที่ชื่นชมของบรรดาครูบาอาจารย์และศิษย์ช่างก่อสร้าง สมกับคำอวยพรของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ที่มอบให้โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ตอนหนึ่งว่า

“องค์การของโรงเรียน นอกจากสถานที่และเครื่องมือทั้งหลาย ย่อมประกอบด้วยอาจารย์และศิษย์ทุกส่วนประมวลกันเข้าแล้ว จึงเกิดมีการสอนการเรียนที่มุ่งหมาย เพราะฉะนั้นภาระทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมาแล้ว จึงมิได้ตกแก่ใครที่ไหน ย่อมตกอยู่แก่อาจารย์ และศิษย์นั่นเอง อาจารย์และศิษย์ร่วมกันรับผิดชอบในภาระนั้น ๆ จึงเท่ากับกำชื่อเสียงของโรงเรียนไว้ในมือของตน ๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็ว่า อาจารย์ ครู และศิษย์ทุกคนเป็นผู้จะบันดาลชื่อเสียงของโรงเรียนให้เกิดขึ้นได้ทั้งฝ่ายดีและชั่ว โดยการกระทำของตน ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน”

อ่านเพิ่มเติม :

เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ผบ.โรงเรียนเพาะช่างพระองค์แรก ทรงพระปรีชาแม้แต่งานของผู้หญิง

หลวงวิศาลศิลปกรรม ช่าง 5 แผ่นดิน ออกแบบตึก-โบสถ์ดังทั่วกรุง ไฉนสมัครเป็นข้าราชการ

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

หมายเหตุ : คัดเนื้อหาจากบทความ “ฟื้นตำนาน อุเทนถวาย” เขียนโดย บุญเตือน ศรีวรพจน์ ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับมกราคม 2554

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 1 สิงหาคม 2565

แท็กก่อสร้างช่างอุเทนถวายโรงเรียนเพาะช่าง


== ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง ==
== ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง ==
บรรทัด 102: บรรทัด 45:
* [[มีศักดิ์ นาครัตน์]] ศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง ผู้กำกับ
* [[มีศักดิ์ นาครัตน์]] ศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง ผู้กำกับ
* [[สมบัติ เมทะนี]] ศิลปิน นักแสดง
* [[สมบัติ เมทะนี]] ศิลปิน นักแสดง
* รองศาสตราจารย์[[เฉลิม สุจริต]] สถาปนิก หัวหน้าภาควิชา[[สถาปัตยกรรม]]และคณบดี[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
* [[เฉลิม สุจริต]] [[สถาปนิก]] อาจารย์มหาวิทยาลัย หัวหน้าภาควิชา[[สถาปัตยกรรม]]และคณบดี[[คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
* [[ชุมพร เทพพิทักษ์]] นักแสดง
* [[ชุมพร เทพพิทักษ์]] นักแสดง
* [[ไสยาสน์ เสมาเงิน]] ศิลปินงานไม้
* [[ไสยาสน์ เสมาเงิน]] ศิลปินงานไม้
บรรทัด 111: บรรทัด 54:
* [[ปรีชา ชนะภัย]] ศิลปิน, นักร้อง, นักดนตรีวง[[คาราบาว]] นักแสดง รุ่น 40
* [[ปรีชา ชนะภัย]] ศิลปิน, นักร้อง, นักดนตรีวง[[คาราบาว]] นักแสดง รุ่น 40
* [[ธเนศ วรากุลนุเคราะห์]] ศิลปิน นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง รุ่น 43
* [[ธเนศ วรากุลนุเคราะห์]] ศิลปิน นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง รุ่น 43
* ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญเสริม เปรมธาดา รุ่น51 สถาปนิก อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัล Royal Academy Dorfman Award 2019
* [[ปฏิภาณ ปฐวีกานต์]] ศิลปิน นักร้อง รุ่น 57
* [[ปฏิภาณ ปฐวีกานต์]] ศิลปิน นักร้อง รุ่น 57



รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:14, 7 พฤศจิกายน 2566

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย
ไฟล์:มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย.png
ชื่อย่อมทร.ตะวันออก วข.อุเทนถวาย / RMUTTO UTHEN
คติพจน์ราชมงคลสร้างคนสู่งานเชี่ยวชาญเทคโนโลยี
ราชมงคลทั้งเก้าแห่ง
ประเภทวิทยาเขต
สถาปนา1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 (90 ปี)
ที่ตั้ง
สี   น้ำเงิน-ขาว
เว็บไซต์http://www.uthen.rmutto.ac.th

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย (อังกฤษ: Rajamangala University of Technology Tawan-ok : Uthenthawai Campus) เป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เดิมชื่อว่า "โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย"[1] ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 225 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีน้ำเงิน สีขาว คติพจน์ "ถ้าเรารักสมัครจิต ก็ต้องคิดสมัครมือ ถิ่นสีน้ำเงิน คือ ที่รวมรักสมัครคง"

ประวัติ

พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนเพาะช่าง จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2465 ตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการ ได้บริหารการศึกษาศิลปหัตถกรรม ของโรงเรียนเพาะช่างให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ได้รับความนิยมตั้งแต่พระมหากษัตริย์ จนถึงเจ้านาย ข้าราชการ และบุคคลทั่วไป ตลอดชาวต่างประเทศ ทรงจัดตั้งแผนกช่างทอง แผนกเจียระไนเพชร พลอย แผนกทำบล็อกสกรีน โดยเฉพาะเครื่องถม ได้ขยายวิธีการไปอย่างกว้างขวางจนเป็นที่แพร่หลาย เป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบันคือ “ ถมจุฑาธุช “ ทรงจัดให้มีพิธีไหว้ครูช่างแบบอย่างโบราณขึ้นในโรงเรียนเพาะช่างเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2463 และทรงคิดสีประจำโรงเรียนคือ สีแดง-ดำ สีแดงหมายถึงเลือดของช่าง สีดำหมายถึงไม่ใช่ช่าง เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้ช่างทั้งหลายได้มีเลือดเป็นสีแดงอยู่เสมอ อย่าให้สีแดงของช่างจางไปหรือกลายเป็นสีดำ

ทรงขยายแผนกการค้า ทรงสร้างห้องแสดงสินค้าห้องประชุมโรงเรียนเพาะช่าง จนกระทั่งนำผลกำไรจากการค้าของโรงเรียนช่าง ไปสร้างโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายขึ้นอีกโรงเรียนหนึ่ง คือ วิทยาเขตอุเทนถวาย ปัจจุบัน นั่นเอง

วิทยาเขตอุเทนถวาย ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนเพาะช่าง แผนกช่างก่อสร้าง โรงเรียนเพาะช่างก่อสร้างอุเทนถวาย หรือ "โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย" ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 จึงได้โอนมาเป็นวิทยาเขตในสังกัดวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา และได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งในปี พ.ศ. 2533 เป็น "สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย" ปัจจุบัน เป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เปิดสอนในสาขาวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์

พิ้นที่ของอุเทนถวายทำการเช่าที่ดินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 2478 มีการขอเจรจาคืนในปี 2518 มีแผนพัฒนา ศูนย์นวัตกรรมงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชนยั่งยืนในปี 2545 กรมธนารักษ์ได้มีการจัดหาพื้นที่ใหม่ให้อุเทนถวายจำนวน 35 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่กรมการบินพลเรือนและเป็นที่ราชพัสดุ [2]บริเวณ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ[3][4] ครม.จัดสรรงบเพื่อก่อสร้างและขนย้าย 200 ล้านบาท อุเทนถวายทำข้อตกลงกับจุฬาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2547 จะขนย้ายและส่งมอบให้แก่จุฬาภายในวันที่ 30 กันยายน 2548 หากจำเป็นผ่อนผันได้ไม่เกิน 1 ปี ปี 2548 มีการทำบันทึกข้อตกลงว่าอุเทนถวายจะย้ายไปก่อสร้างที่ใหม่ บริเวณบางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งนี้จะย้ายบุคลากรและนักศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 แต่การย้ายยังติดขัดปัญหาและเป็นไปอย่างล่าช้า กระทั่ง ปี 2550 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(กยพ.) ซึ่งระหว่างนั้นสโมสรนักศึกษาอุเทนถวาย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา 2 ครั้ง[5] และปี 2552 กยพ.มีมติชี้ขาดให้อุเทนถวายขนย้ายทรัพย์สินและคืนพื้นที่ให้จุฬาฯ และชำระค่าเสียหายปีละล้านบาทเศษ จนกว่าจะส่งมอบพื้นที่เสร็จ ส่วนผลการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา สำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือยืนยันผลชี้ขาดตามมติของ กยพ. และทางจุฬาฯ ก็ไม่ได้ทวงเงินค่าเสียหายจากอุเทนถวายแต่อย่างใด ต่อมาในเดือนธันวาคม 2565 ศาลปกครองสูงสุด ศาลมีคำสั่งให้อุเทนถวายย้ายออกจากพิ้นที่ โดยจะต้องดำเนินการภายใน 60 วันหลังจากมีคำสั่ง[6] [7]

คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์

  • สาขาวิศวกรรมโยธา
  • สาขาวิศวกรรมก่อสร้าง
  • สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม
  • สาขาสถาปัตยกรรมภายใน
  • สาขาออกแบบอุตสาหกรรม
  • สาขาเทคโนโลยีโลจิสติกส์และการจัดการระบบขนส่ง
  • สาขาการบริหารงานก่อสร้าง

ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง

อ้างอิง

  1. ปล่อยวางความแค้น ย้อนดูรากเหง้า อุเทน - ปทุมวัน 2 วิทยาลัยช่างสร้างชาติ
  2. "อุเทนถวายได้ข้อสรุปวิทยาเขตใหม่ให้ตั้งที่บางพลี". mgronline.com. 2005-04-26.
  3. "จุฬาฯ แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ดิน". dailynews. 2017-04-12.
  4. isranews (2013-03-15). "จุฬาจี้ศธ.ประสานอุเทนถวายเจรจา". สำนักข่าวอิศรา.
  5. ฐานเศรษฐกิจ (2023-02-16). "เปิดปม "ย้ายอุเทนถวาย" เหตุจุฬาฯขอคืนพื้นที่ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด". thansettakij.
  6. "'อุเทนถวาย' ชุมนุมค้านย้ายที่ตั้งใหม่ โพลชี้ 74.43% หนุนอยู่ที่เดิม". คมชัดลึกออนไลน์. 2023-02-16.
  7. อุเทนถวายรวมตัวยื่นหนังสือ หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่ ปมข้อพิพาทที่ดินกับจุฬาฯ, สืบค้นเมื่อ 2023-02-17

แหล่งข้อมูลอื่น

13°44′30″N 100°31′52″E / 13.741647°N 100.531050°E / 13.741647; 100.531050