การบ้าน

จากไร้สาระนุกรม — ส่วนหนึ่งของโครงการไร้สาระนุกรมเสรี แหล่งรวบรวมเรื่องราวตลกขบขันและบิดเบือนข้อเท็จจริง
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
Wikisplode.gif
สำหรับผู้ที่ไร้อารมณ์ขันสิ้นดี เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่วิกิพีเดียมีบทความที่โคตรมีสาระ ที่นี่!

“เมื่อคืนคุณทำการบ้านแล้วหรือยัง”

เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากการบ้าน โถ น่าสงสาร

“ผมน่ะ ทำการบ้านมาดีแต่ไม่มีโอกาส”

“อ่านไร้สาระนุกรมทำไม! ให้เลือก...ว่าจะทำการบ้าน หรือว่าจะตาย!!”

การบ้าน(ปะกิด: homework, assignment เทย: การตายที่บ้าน) คือเศษกระดาษที่คุณครูให้นักเรียนมา ในเวลาว่างจัดที่บ้าน เลยให้งานนักเรียนมาทำ เพื่อให้ดูเหมือนว่าตัวเองตามไปสอนนักเรียนที่บ้าน

ต้นกำเนิด[แก้ไข]

การบ้านในภาษาอังเกรียน (Homework)นั้น มีต้นกำเนิดมาจากภาษากรี๊ดโบราณคำว่า hoemwerk ที่มีความหมายว่า "ความตายจากการทรมาน" และถูกพัฒนาขึ้นมาอีกจนกลายเป็นเครื่องมือในการทรมานของพวกฝรั่งมังค่าในยุคกลาง ทว่าความนิยมลดไปมากในสมัยปฏิวัติเศษฝรั่งและกลับมาบูมอีกครั้งเมื่อครูชาวอิตาขี้ได้ลงโทษเด็กแว้นสองคนโดยใช้การบ้านเป็นเครื่องมือทรมาน อย่างไรก็ตาม คนเทยนั้นแปลจากภาษาปะกิตมาตรงตัวว่า "งานที่บ้าน" และเพี้ยนมาเป็นการบ้าน จนทุกวันนี้

ลักษณะเบื้องต้น[แก้ไข]

ลักษณะของการบ้านคือ ต้องมีน้ำมากกว่าเนื้อ เพราะคนทำการบ้านจะต้องยุ่งวุ่นวายกับการอธิบายต่างๆนานา อย่างไรก็ตาม การบ้านสามารถจะมาจากการเดามั่วๆ ในหลายๆส่วนแล้วเขียนประกอบเข้าด้วยกันเพื่อให้มีจำนวนเยอะๆ ทรมานสายตาคนอ่านได้

การบ้านจะถูกจ่ายให้นักเรียนทุกๆวัน เพื่อเติมข้อมูลผิดๆใส่สมองนักเรียน มีไว้เพื่อเบียดเบียนเวลาว่างของนักเรียน ไม่ให้มีเวลาว่างทำอย่างอื่น ไม่เปิดโอกาสได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือได้เรียนรู้สิ่งอื่นที่มีคุณค่าจริงจริง เช่นการเล่นไร้สาระนุกรม เพื่อที่จะได้เติบใหญ่มาเป็นคนไร้จินตนาการ ทำงานตามคำสั่งของท่านผู้นั้น

บางครั้ง การบ้านมีไว้เพื่อการลงโทษนักเรียนที่มีทีท่าว่าจะแข็งขืน ไม่ให้เวลาคิด และเพื่อให้มั่นใจว่าจะโตขึ้นมาเพื่อทำงานเงินเดือนต่ำๆ

ประเภทของการทรมานด้วยการบ้าน[แก้ไข]

ผู้ที่ไม่ชอบทำการบ้านบางคน จะพยายามเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ นานา เพื่อให้ตัวเองมีข้ออ้างกับอาจารย์ว่าทำไมจึงไม่ทำการบ้าน

จับกังแบกหาม[แก้ไข]

เป็นการทรมานเหยื่อ ด้วยการให้เหยื่อแบกปึกกระดาษที่บรรจุได้ด้วยตัวอักษรและหุ้มปก ปึกเอกสารเหล่านี้ เหยื่อจะถูกบังคับให้ต้องแบกไปมาจนกว่าจะหลังโก่งหรือหลังค่อม และเหยื่อจะต้องแบกปึกเอกสารเหล่านี้ไปมาในศูนย์การทรมาน หรือที่เรียกกันว่า "ห้องเรียน" นั่นเอง บางครั้งห้องเรียนเอง ก็เป็นจุดที่เหยื่อจะต้องมารับเอกสารไปแบกหามเพิ่มเติม

ทำลายสายตา[แก้ไข]

เหยื่อจะถูกบังคับให้แบกเอกสารเหล่านั้นกลับบ้านเพื่ออ่าน ความยาวของเนื้อหานั้น เป็นสัดส่วนแปรผันตรงกับความน่าเบื่อของมัน แต่แปรผกผันกับกระโยชน์ที่นำไปใช้จริงได้ สำหรับเนื้อหาในเอกสารนั้น ได้รับการออกแบบมาอย่างดี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการทรมาน เพื่อให้เหยื่อได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัสจากการอ่านเอกสารนั้นๆ อีกทั้งยังสามารถสะกดจิตให้เหยื่อง่วงนอน และหลับไปได้

สำหรับเหยื่อบางรายที่โชคร้าย โดนทรมานด้วยวิธีนี้อย่างหนัก อาจจะเคราะห์ร้าย ถึงกับพิการทางสายตาได้

ทำลายข้อมือ[แก้ไข]

สองข้อด้านบน คือ แบบฝึกหัดในห้องเรียน ส่วนข้อข้างล่างนั่นน่ะ ครูให้เป็นการบ้าน

หลังจากเหยื่อผ่านการทรมานด้วยการอ่านมาแล้ว เหยื่อจะถูกบังคับให้ทำการเขียนข้อความลงในสมุด และเหยื่อจะต้องเขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าข้อมือของเหยื่อจะไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ อาจจะมองว่าการทรมานนั้นจบไปแล้ว แต่ไม่ใช่ เมื่อเวลาผ่านไป ๕ นาที หรือเมื่อข้อมือของเหยื่อเริ่มสามารถขยับได้อีกครั้ง การทรมานก็จะเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง

โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งปริมาณการเขียนที่เหยื่อจะต้องเขียนนั้น มักจะแปรผกผันกับความยากของงาน แต่ในบางครั้ง การทรมานด้วยวิธีนี้ จะสามารถทำให้โหดร้ายได้ ด้วยการให้การบ้านที่ทั้งต้องเขียนเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว ยังผสมด้วยความยากเย็นแสนเข็ญอีกด้วย

ทำลายระบบเศรษฐกิจครอบครัว[แก้ไข]

เกม "ถล่มการบ้านให้หมด!!" อันเป็นที่โด่งดัง

บางครั้ง การบ้านจะถูกให้ในรูปแบบของ "รายงาน" หรือ "งานประดิษฐ์" ประเภทต่างๆตามแต่ที่จะสั่งให้เหยื่อทำ ซึ่งงานประเภทรายงานนั้น จะต้องมีการทำปก ซึ่งทำให้ต้องเกิดการเสียค่าใช้จ่าย และบางครั้งในการทำรายงาน เหยื่อจะได้รับคำสั่งให้ทำรายงานที่เน้นปกสวยงาม ดูดี เพื่อที่ผู้ลงทัณฑ์จะได้นำไปใช้ประดับถังขยะ หรือเอาไปประดับบารมีที่หน้าห้องและหลังห้องได้ ซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแก่ผู้อุปถัมภ์หรือผู้ปกครองเหยื่อ เช่น พ่อแม่ รวมถึงคนในโคตรเหง้าศักราชที่ยังไม่ตาย

ส่วนงานประดิษฐ์นั้น จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแก่เหยื่อมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวี

การสั่งการบ้านที่สิ้นเปลืองทรัพยากรนี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ บีบบังคับให้ครอบครัวของเหยื่อต้องเสียเงินจับจ่าย

การทรมานด้วยวิธีนี้อาจจะส่งผลให้เกิดโรคทรัพย์จางได้

ทำลายธรรมชาติ ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน[แก้ไข]

การบ้านบางครั้ง ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน จากกรณีข้างบน แสดงให้เห็นการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และเมื่องานหรืองานประดิษฐ์ต่างๆ ถูกทำออกมาได้ไม่น่าพอใจคุณครูของเรา เราอาจจะเห็นว่ามันกลายเป็นขยะไปเลย หรือคุณครูที่ไม่พอใจงานของท่านอาจจะเห็นว่ามันเป็นขยะเช่นกัน แล้วจับมันเขวี้ยงออกนอกหน้าต่าง กลายเป็นขยะไร้ค่าชิ้นใหม่ รวมถึงกระดาษทด , เศษกระดาษต่างๆ หรือกระดาษที่ถูกขยำขว้างก็เหมือนกัน หากครูชอบให้ท่านคิดเลขได้ยาวเรียงกันเป็นกิโล งานพวกนี้เมื่อสะสมนานเข้าๆ จะกลายเป็นขยะกองโต ก่อให้เกิดขยะสังคังจำนวนมหาศาล หากมันถูกเอาไปทิ้งในที่ๆ ไม่สมควร ตามท่อน้ำ ตามหลังบ้านท่าน หรือตามส้วมต่างๆ ซึ่งอาจยากต่อการรีไซเคิล หรือย่อยสลาย กลายเป็นต้นเหตุภาวะโลกร้อน

จุดอ่อนของการบ้าน[แก้ไข]

แม้ว่าจะถูกออกแบบมาเพื่อทำร้ายเป้าปมาย แต่จากการถูกฟาดตายแล้วฟื้นสลับไปมารวมถึงการทดลองแบบเดาผิดๆถูกๆก็ได้พบว่าการบ้านมีจุดบกพร่องที่ไม่สามารถใช้ทรมานได้เช่นการใช้แม่แบบแพทเทิร์นซ้ำๆอยู่แค่การตั้งตัวเลือกดักควายทั้งแบบกาและเขียนหรือการใช้ยุทธวิธีหน้าหลังเพื่อดักจับนักโทษที่ประมาท การทดลองร่วมกันโดนสาสตราจานคุรุมิ, โทกะ และโยชิโนะ ซึ่งนั่งวิเคราะห์การบ้านร่วมกันจนได้ข้อสรุปว่า การบ้านใช้วิธีการสร้างความคลุมเครือเพื่อทรมานนักโทษและยังพบว่าการบ้านบางอันใช้แม่แบบเดียวกับข้อสอบเป๊ะๆ

DTL การบ้าน.jpgDTL ข้อสอบ.jpg
จากซ้าย:การทดลองแม่แบบดักควายของการบ้านละการค้นพบแม่แบบที่ก๊อปข้อสอบมาทั้งดุ้น

คำวิพากษ์วิจารณ์[แก้ไข]

แหล่งรับทำการบ้าน[แก้ไข]

ดูเพิ่ม[แก้ไข]