การตั้งค่าภาษีตามตำแหน่งที่ตั้ง

การตั้งค่าภาษีจะอิงตามการจดทะเบียนภาษีสำหรับภูมิภาคดังต่อไปนี้

หากคุณไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเหล่านี้และคุณต้องเรียกเก็บภาษี ภาษีอาจมีผลบังคับใช้ในระดับประเทศหรือภูมิภาคก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีในพื้นที่ของคุณ

ตั้งค่าอัตราภาษีตามตำแหน่งที่ตั้ง

มีประเทศที่เรียกเก็บภาษีโดยอิงจากปลายทางของคำสั่งซื้อ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องเรียกเก็บภาษีการขายตามอัตราที่กำหนดไว้ในภูมิภาคที่มีการจัดส่งสินค้าของคุณ หากคุณไม่แน่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี

ก่อนที่คุณจะตั้งค่าภาษีโดยอิงจากปลายทาง ให้ตรวจสอบว่าคุณต้องเรียกเก็บภาษีการขายจากลูกค้าของคุณหรือไม่ และสินค้าของคุณต้องเสียภาษีหรือไม่ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าที่อยู่ของร้านค้าของคุณไม่ได้อยู่ในภูมิภาคที่ใช้ภาษีตามการจดทะเบียน และคุณได้ทำการตั้งค่าเขตการจัดส่งสำหรับประเทศปลายทางแล้ว

ขั้นตอน:

เดสก์ท็อป
  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  2. ในส่วนอัตราภาษี ให้คลิกที่ชื่อของประเทศ
  3. ในส่วนภาษีพื้นฐาน ให้ป้อนอัตราภาษีที่ใช้ได้ในประเทศและภูมิภาคใดก็ได้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาษีในภูมิภาคแทนที่จะเป็นภาษีของรัฐบาลกลาง หรือจะใช้การบวกเพิ่มหรือผสานเข้ากับภาษีรัฐบาลกลาง หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกการตั้งค่าใด ให้ติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ
  4. คลิก บันทึก
iPhone
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ในส่วนอัตราภาษี ให้คลิกที่ชื่อของประเทศ
  4. ในส่วนภาษีพื้นฐาน ให้ป้อนอัตราภาษีที่ใช้ได้ในประเทศและภูมิภาคใดก็ได้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาษีในภูมิภาคแทนที่จะเป็นภาษีของรัฐบาลกลาง หรือจะใช้การบวกเพิ่มหรือผสานเข้ากับภาษีรัฐบาลกลาง หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกการตั้งค่าใด ให้ติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ
  5. คลิก บันทึก
Android
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ในส่วนอัตราภาษี ให้คลิกที่ชื่อของประเทศ
  4. ในส่วนภาษีพื้นฐาน ให้ป้อนอัตราภาษีที่ใช้ได้ในประเทศและภูมิภาคใดก็ได้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาษีในภูมิภาคแทนที่จะเป็นภาษีของรัฐบาลกลาง หรือจะใช้การบวกเพิ่มหรือผสานเข้ากับภาษีรัฐบาลกลาง หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกการตั้งค่าใด ให้ติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ
  5. คลิก บันทึก

ข้อกำหนดเกี่ยวกับหมายเลขภาษีในแคนาดา

หากร้านค้าของคุณตั้งอยู่ในประเทศแคนาดา โดยทั่วไปแล้วคุณต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST หากข้อความทั้งสองประการดังต่อไปนี้เป็นจริง:

  • คุณขายหรือเช่าสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษี
  • คุณมีรายได้จากยอดขายที่ต้องเสียภาษีในแคนาดามากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมาของปีปฏิทิน หรือมากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงไตรมาสของปีปฏิทินปัจจุบัน

หากร้านค้าของคุณไม่ได้ตั้งอยู่ในแคนาดา โดยทั่วไปแล้วคุณต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST หากข้อความทั้งสองอย่างดังต่อไปนี้เป็นจริง:

  • คุณขายสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษีให้แก่ลูกค้าในแคนาดาและจัดการคำสั่งซื้อเหล่านั้นจากคลังสินค้าที่ตั้งอยู่ในแคนาดา
  • คุณมีรายได้จากยอดขายที่ต้องเสียภาษีในแคนาดามากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

หากกรณีใดกรณีหนึ่งข้างต้นตรงกับคุณ คุณอาจต้องเก็บภาษีจากการขายและจ่ายภาษีเหล่านั้นให้กับหน่วยงานจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม และยื่นรายงานต่อหน่วยงานด้านภาษีอย่างสม่ำเสมอ หากยอดขายของคุณต่ำกว่าขีดจำกัดคุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST และไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บหรือชำระภาษี

ขั้นตอน

  1. ลงทะเบียนกับหน่วยงานสรรพากรของแคนาดาที่ https://www.canada.ca/en/services/taxes/gsthst.html
  2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  3. ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้คลิกที่ “แคนาดา
  4. คลิกที่ “เพิ่มหมายเลข GST/HST
  5. ในช่องหมายเลข GST/HST ให้ป้อนหมายเลขภาษีของคุณ หากคุณยื่นขอหมายเลขภาษีแล้วแต่ยังไม่ได้ ให้เว้นว่างช่องนี้ไว้ คุณสามารถอัปเดตข้อมูลดังกล่าวได้เมื่อได้รับหมายเลขภาษีแล้ว
  6. คลิก บันทึก

รวมภาษีในราคาสินค้า

ในบางประเทศเช่นสหราชอาณาจักรคุณจำเป็นต้องใส่ภาษีการขายในราคาที่แสดงสำหรับสินค้าแทบจะทุกประเภท

เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ระบบจะคำนวณภาษีโดยใช้สูตร ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 อัตราภาษี) โดยระบบจะแสดงภาษีเป็นสินค้าเฉพาะรายการให้ทั้งคุณและลูกค้าเห็น แม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มภาษีใด ยอดรวมย่อยและยอดสุทธิจะเหมือนกัน แต่ระบบจะระบุจำนวนภาษีที่คุณต้องชำระสำหรับคำสั่งซื้อไว้ด้วย

ขั้นตอน:

  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  2. เลือก “รวมภาษีการขายในราคาสินค้าและอัตราค่าจัดส่ง
  3. คลิก บันทึก
  4. ตัวเลือกเสริม: หากต้องการใช้อัตราภาษีในพื้นที่ของลูกค้า ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้:

    1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ตลาด
    2. ในส่วนตลาดอื่นๆ ให้คลิก “การกำหนดลักษณะ
    3. เลือกการรวมหรือไม่รวมภาษีที่โดยอิงจากประเทศของลูกค้า
  5. คลิก บันทึก

หลังจากที่ตั้งค่าราคาของคุณให้รวมภาษีแล้ว โปรดเลือกเรียกเก็บภาษีสำหรับสินค้ารายการนี้ในหน้าสินค้าของคุณเพื่อให้ภาษีรวมอยู่ในราคาที่แสดง จํานวนภาษีที่รวมจะแสดงต่อลูกค้าถัดจากยอดรวมในขั้นตอนการชำระเงิน

การกำหนดราคาของคุณเพื่อรวมภาษีจะไม่มีผลต่อการรายงานภาษีของคุณ

ตัวอย่างเช่น Maya และ Gabriel อาศัยอยู่ในภูมิภาคเดียวกันและทั้งสองมีร้านค้าออนไลน์ โดยภูมิภาคนี้มีอัตราภาษี 10% และอนุญาตให้เจ้าของธุรกิจเลือกได้ว่าจะรวมภาษีในราคาของพวกเขาหรือไม่

  • มารียาไม่ได้ตั้งราคาแบบรวมภาษี หากเธอวางขายสินค้าในราคา $100 ระบบจะคำนวณและคิดค่าภาษี $10 ทำให้ราคารวมอยู่ที่ $110 สูตรสำหรับการคำนวณนี้คือ ยอดรวม = ราคาที่วางขาย X (1 อัตราภาษี):

  • กฤษณะตัดสินใจตั้งราคาแบบรวมภาษีทั้งหมดแล้ว หากต้องการให้ได้ราคาวางขายรวมหลังคิดภาษีอยู่ที่ $100 จะต้องใช้สูตรสำหรับรวมภาษีในการคำนวนส่วนที่เป็นภาษี สูตรสำหรับกรณีนี้คือ ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 อัตราภาษี):

รวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ

หากคุณขายสินค้าระหว่างประเทศ คุณสามารถรวมหรือไม่รวมภาษีในราคาสินค้าโดยอิงจากตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้าได้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ลูกค้าในประเทศหรือภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักรจะเห็นราคารวมภาษีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในพื้นที่ของตนเอง หรือจะเห็นราคาแบบไม่รวมภาษีในประเทศหรือภูมิภาคต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งลูกค้าคาดว่าภาษีจะเพิ่มเข้ามาในขั้นตอนการชำระเงิน

หากคุณใช้การแทนที่ภาษีสินค้ากับสินค้าหรือคอลเลกชันสินค้าบางรายการ อัตรากําไรของคุณอาจได้รับผลกระทบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาในการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ

ตัวอย่างเช่น กาเบรียลอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีภาษี 10% และกำหนดราคาของเขาเป็นแบบรวมภาษี และขายให้แก่หลายภูมิภาคที่อยู่นอกภูมิภาคของตน เขาเปิดใช้งานการตั้งค่าการรวมหรือไม่รวมภาษีอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ เขาขายสินค้าราคา $100

  • ในภูมิภาคของเขา ต้นทุนสินค้าคือ $100 การใช้สูตร ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 อัตราภาษี) ราคาในส่วนของสินค้าคือ $90.91 และส่วนที่เป็นภาษีคือ $9.09
  • ในภูมิภาคที่กาเบรียลไม่ต้องเสียภาษี ราคาของสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินคือ $90.91 ซึ่งคือราคาเฉพาะส่วนของตัวสินค้า
  • ในภูมิภาคที่กาเบรียลจำเป็นต้องจ่ายภาษีที่อัตรา 20% ราคาของสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินคือ $109.09 ราคานี้คำนวณโดยการใช้อัตราภาษีตามภูมิภาค 20% ของตัวสินค้า

ระบบจะใช้ที่อยู่ของร้านค้าคุณในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณเพื่อกำหนดอัตราภาษีในหน้าแรก ซึ่งจะหักออกจากราคารวมภาษีของคุณเมื่อขายสินค้าไปยังประเทศหรือภูมิภาคที่รวมภาษีอื่นๆ การเปลี่ยนที่อยู่ร้านค้าของคุณในส่วนผู้ดูแลให้อยู่ในประเทศหรือภูมิภาคอื่นจะเปลี่ยนอัตราภาษีในหน้าแรกด้วยเช่นกัน

ข้อควรพิจารณาสำหรับการรวมหรือยกเว้นภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า

ก่อนที่คุณจะเปิดใช้งานการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ ให้ตรวจสอบข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้

  • การรวมหรือไม่รวมภาษีอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณจะไม่รองรับในกรณีดังต่อไปนี้:

    • ร้านค้าในแผน Shopify Plus ที่ใช้ Avalara AvaTax
    • ร้านค้าที่ใช้แอปจากภายนอกที่เสนอการแนะนำสินค้าที่ราคาขายหลังการซื้อสูงขึ้น
    • ระบบรองรับวิธีการชำระเงินแบบเร่งรัดเช่น Google Pay หรือ Apple Pay สำหรับผู้ขายที่ใช้ Shopify Payments เท่านั้น โดยระบบไม่รองรับวิธีการชำระเงินแบบเร่งรัดสำหรับผู้ขายที่ใช้ช่องทางการชำระเงินอื่นๆ
    • ปุ่มชำระเงินแบบไดนามิก ไม่รองรับการใช้งานแบบรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ หากคุณต้องการรวมหรือไม่รวมภาษีในราคาของคุณโดยอิงจากที่อยู่ของลูกค้าของคุณ ให้ปิดใช้งานปุ่มชำระเงินแบบไดนามิกของคุณ
  • ที่อยู่ร้านค้าของคุณเป็นตัวกำหนดอัตราภาษีในหน้าแรกของคุณ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดภาษีเอง ตัวอย่างเช่น หากคุณมีภาษีที่กำหนดเองสำหรับสินค้าที่มีอัตราภาษี 10% แต่อัตราภาษีในหน้าแรกของร้านค้าคุณสูงกว่า อัตราภาษีในหน้าแรกที่สูงกว่านี้จะถูกหักออกจากสินค้าเหล่านี้เมื่อมีการจัดส่งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตรากำไรของคุณ หากคุณต้องการป้องกันไม่ให้มีการจัดส่งสินค้าดังกล่าวไปยังต่างประเทศ ให้ใช้โปรไฟล์การจัดส่ง

  • อัตราภาษีในหน้าแรกของคุณจะใช้ในการคำนวณราคาในขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ถูกต้องหากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งในการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจรในภูมิภาคที่มีอัตราภาษีต่างๆ

  • หลังจากที่คุณเปิดใช้งานการตั้งค่ารวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากการตั้งค่าประเทศของลูกค้า ราคาจะแสดงอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม หน้าสินค้าหรือตะกร้าสินค้าจะไม่แสดงราคาอย่างถูกต้อง หากข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ไม่เป็นจริง:

    • คุณขายสินค้าในหลายสกุลเงินและใช้ Shopify Payments ในกรณีนี้ ระบบจะแสดงราคาอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน บนหน้าสินค้า และในตะกร้าสินค้า
    • ลูกค้าซื้อสินค้าโดยใช้ที่อยู่ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีสิทธิ์ปรับราคา เปิดใช้งานคุกกี้ ยังไม่ได้ล้างแคชเบราว์เซอร์ของตน และไม่ได้เยี่ยมชมร้านค้าโดยใช้โหมดไม่ระบุตัวตน โดยในกรณีนี้ ระบบจะแสดงราคาอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน ทั้งบนหน้าสินค้าและในตะกร้าสินค้าเมื่อเข้าชมร้านค้าครั้งต่อๆ ไป

เปิดใช้งานการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า

  1. ในหน้าส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ตลาด
  2. คลิกที่การกำหนดลักษณะ
  3. สลับ “รวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า” เป็นเปิด

เรียกเก็บภาษีจากอัตราค่าจัดส่ง

ในบางภูมิภาคคุณจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีสำหรับการจัดส่ง หากร้านค้าของคุณอยู่นอกแคนาดา สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อเรียกเก็บภาษีสำหรับอัตราค่าจัดส่งของคุณ

ขั้นตอน:

เดสก์ท็อป
  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  2. ทำเครื่องหมายในช่องภาษีที่เรียกเก็บจากอัตราค่าจัดส่ง:
  3. คลิก บันทึก
iPhone
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ทำเครื่องหมายในช่องภาษีที่เรียกเก็บจากอัตราค่าจัดส่ง:
  4. คลิก บันทึก
Android
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ทำเครื่องหมายในช่องภาษีที่เรียกเก็บจากอัตราค่าจัดส่ง:
  4. คลิก บันทึก

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้มีการคำนวนภาษีซ้ำ

หากตั้งค่าภาษีสำหรับประเทศและภูมิภาคย่อย คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ระบุว่ามีการเพิ่มหรือผนวกภาษีในท้องที่ไปยังภาษีของรัฐบาลกลางใดๆ หรือจะถูกนำไปใช้แทนที่ภาษีของรัฐบาลกลาง หากลูกค้าในประเทศหนึ่งถูกเรียกเก็บภาษีสองครั้ง นั่นหมายความว่าคุณอาจได้กำหนดให้เพิ่มค่าภาษีของภูมิภาคย่อยไปยังภาษีรวมสำหรับประเทศนั้นๆ

เช่น คุณมีสินค้าราคา $100.00 ลูกค้าซื้อสินค้าดังกล่าวในพื้นที่ที่มีอัตราภาษีของประเทศและภูมิภาคอยู่ที่ 10% ทั้งคู่

  • หากคุณเลือกเพิ่มไปยัง ประเทศและภูมิภาคทั้งหมดจะนำมาเรียกเก็บเงินและเพิ่มเข้าด้วยกัน ในกรณีนี้ จำนวนเงินภาษีของประเทศคือ $10.00 และภาษีในภูมิภาคคือ $10.00 ระบบจะเพิ่มสินค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นยอดสุทธิ $120.00

  • หากเลือกแทน ระบบจะเรียกเก็บเงินภาษีในภูมิภาคและไม่เรียกเก็บภาษีของประเทศ ในกรณีนี้จะไม่มีภาษีของประเทศแต่มีภาษีในภูมิภาคอยู่ที่ $10.00 ราคารวมของสินค้าจะเป็น $110

  • หากเลือกรวมกับ ระบบจะวิเคราะห์จำนวนเงินภาษีสำหรับประเทศนั้นและเรียกเก็บภาษีในภูมิภาคจากยอดรวมดังกล่าว ในกรณีนี้ ภาษีของประเทศจะอยู่ที่ $10.00 จากนั้นจะนำภาษีในภูมิภาคไปรวมกับยอดรวม $110.00 ภาษีนี้จึงอยู่ที่ $11.00 และเมื่อรวมยอดสุทธิแล้ว ราคารวมของสินค้าจะเป็น $121.00

คุณสามารถตรวจสอบยืนยันหรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าภาษีของคุณสำหรับภูมิภาคได้

ขั้นตอน:

เดสก์ท็อป
  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  2. ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่แก้ไขถัดจากชื่อของประเทศ ภาษีที่แสดงคือภาษีของประเทศและสำหรับภูมิภาคย่อยตามรัฐหรือจังหวัด
  3. เลือกตัวเลือกจากเมนูดรอปดาวน์ใต้อัตราภาษีย่อยในภูมิภาคเพื่อระบุว่าคุณต้องการเรียกเก็บภาษีอย่างไร
  4. คลิก บันทึก
iPhone
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่แก้ไขถัดจากชื่อของประเทศ ภาษีที่แสดงคือภาษีของประเทศและสำหรับภูมิภาคย่อยตามรัฐหรือจังหวัด
  4. เลือกตัวเลือกจากเมนูดรอปดาวน์ใต้อัตราภาษีย่อยในภูมิภาคเพื่อระบุว่าคุณต้องการเรียกเก็บภาษีอย่างไร
  5. คลิก บันทึก
Android
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่แก้ไขถัดจากชื่อของประเทศ ภาษีที่แสดงคือภาษีของประเทศและสำหรับภูมิภาคย่อยตามรัฐหรือจังหวัด
  4. เลือกตัวเลือกจากเมนูดรอปดาวน์ใต้อัตราภาษีย่อยในภูมิภาคเพื่อระบุว่าคุณต้องการเรียกเก็บภาษีอย่างไร
  5. คลิก บันทึก

เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นของภาษีมูลค่าเพิ่ม

สำหรับประเทศที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ชื่อเริ่มต้นที่กำหนดให้กับภาษีนั้นจะเป็น VAT คำเรียกย่อ VAT จะปรากฏในหน้าการชำระเงินของคุณ ใบเสร็จของลูกค้า และในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อของคำสั่งซื้อ

หากคุณอยู่ในประเทศที่ใช้คำเรียกย่อภาษีที่แตกต่างกัน คุณสามารถเปลี่ยนชื่อดังกล่าวได้ที่หน้าภาษี ตัวอย่างเช่น ในหลายๆ ประเทศจะใช้ IVA แทนที่จะเป็น VAT คุณสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกภาษีได้ก็ต่อเมื่อในส่วนผู้ดูแล Shopify มีการระบุชื่อภูมิภาคย่อยของประเทศนั้นๆ ไว้ในระบบเท่านั้น เช่นอิตาลีและสเปน คุณไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้หากไม่ได้รวม subregions เช่นสำหรับออสเตรียและนอร์เวย์

ขั้นตอน:

เดสก์ท็อป
  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  2. ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่ประเทศ
  3. สำหรับแต่ละภูมิภาค ให้เปลี่ยน VAT เป็นคำเรียกย่อที่ต้องการใช้
    Change VAT to IVA
    ชื่อดังกล่าวจะต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค คุณจึงต้องเปลี่ยนชื่อสำหรับแต่ละภูมิภาคด้วย
  4. คลิก บันทึก
iPhone
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่ประเทศ
  4. สำหรับแต่ละภูมิภาค ให้เปลี่ยน VAT เป็นคำเรียกย่อที่ต้องการใช้
    Change VAT to IVA
    ชื่อดังกล่าวจะต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค คุณจึงต้องเปลี่ยนชื่อสำหรับแต่ละภูมิภาคด้วย
  5. คลิก บันทึก
Android
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร
  3. ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่ประเทศ
  4. สำหรับแต่ละภูมิภาค ให้เปลี่ยน VAT เป็นคำเรียกย่อที่ต้องการใช้
    Change VAT to IVA
    ชื่อดังกล่าวจะต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค คุณจึงต้องเปลี่ยนชื่อสำหรับแต่ละภูมิภาคด้วย
  5. คลิก บันทึก

Brexit กับภาษีของสหราชอาณาจักร

  • คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร หากต้องการขายสินค้าราคาเท่ากับหรือน้อยกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยในกรณีนี้ จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน และผู้ขายจะเป็นผู้โอนเงินภาษี
  • สำหรับการขายสินค้าราคามากกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง คุณอาจไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน โดยในกรณีนี้ ผู้นำเข้าจะเป็นผู้โอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร ซึ่งคุณสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรจากลูกค้าของคุณในขณะที่ทำการขายได้หากคุณต้องการ แล้วจากนั้นจึงมอบเงินเหล่านี้แก่ผู้จัดส่งหรือผู้นำเข้าโดยใช้ใบจ่าหน้าสำหรับการจัดส่ง หรือคุณจะส่งคำสั่งซื้อโดยไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรก็ได้ และลูกค้าของคุณจะต้องชำระเงินเพิ่มเติมในตอนที่ทำการจัดส่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit ต่อธุรกิจของคุณ

ข้อควรพิจารณาสำหรับการยกเว้นภาษีที่มีราคารวมภาษี

หากคุณรวมภาษีไปในราคาสินค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถแสดงราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับลูกค้าบางรายได้ เช่น การยกเว้น GST สำหรับลูกค้าที่อยู่นอกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

หากคุณจำเป็นต้องยกเว้นภาษีให้แก่ลูกค้าบางราย ให้ลองใช้ตัวเลือกดังต่อไปนี้

  • ไม่ต้องรวมอัตราภาษีในราคาของคุณ
  • แก้ไขธีมของคุณให้แสดงราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีในร้านค้าของคุณ และใช้ Shopify Scripts ในการเรียกใช้งานการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 20% ในขั้นตอนการชำระเงิน
ไม่พบคำตอบที่คุณต้องการงั้นหรือ เราพร้อมช่วยเหลือคุณ