การแก้ปัญหา

สภาพแวดล้อมที่รองรับ

Google Sign-In รองรับเบราว์เซอร์และแพลตฟอร์มต่อไปนี้อย่างเป็นทางการ

  • Google Chrome ใน macOS, Windows, Linux, Android, iOS
  • Mozilla Firefox ใน macOS, Windows, Linux
  • Safari ใน macOS และ iOS
  • Internet Explorer ตั้งแต่เวอร์ชัน 8 ถึง 11 ใน Windows
  • Microsoft Edge ใน Windows

ปัญหาที่ทราบ

บล็อกคุกกี้และข้อมูลของบุคคลที่สามแล้ว

เมื่อเปิดใช้งาน ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวนี้จะปิดใช้งานคุกกี้และพื้นที่เก็บข้อมูลทั้งหมดใน iframe ซึ่ง Google จำเป็นต้องใช้เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้อย่างปลอดภัย

วิธีแก้ไขวิธีหนึ่งคือการขอให้ผู้ใช้ที่ปิดใช้ข้อมูลของบุคคลที่สามสร้าง ข้อยกเว้นสำหรับ https://accounts.google.com ด้วยการเพิ่ม accounts.google.com ลงในส่วน โดเมนที่อนุญาต โดยใน Chrome การดำเนินการนี้จะทำใน chrome://settings/content/cookies.

หากผู้ใช้จำนวนมากของคุณเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ (บางบริษัทบังคับใช้ฟีเจอร์นี้ สำหรับพนักงานทั้งหมด) อีกวิธีหนึ่งคือการนำ ขั้นตอน OAuth 2.0 ฝั่งเซิร์ฟเวอร์

Chrome ใน iOS ในโหมดไม่ระบุตัวตน

ขณะนี้ Google Sign-In ยังไม่รองรับโหมดไม่ระบุตัวตนใน Chrome บน iOS

Safari ที่มีการป้องกันการติดตามอัจฉริยะ

ฟีเจอร์ใหม่ของ macOS High Sierra และ iOS 11 ปิดใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สาม ทุก 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะโต้ตอบกับหน้าเว็บใดหน้าเว็บหนึ่งของโดเมน บุคคลที่สาม เนื่องจากไลบรารี Google Sign-In อาศัยคุกกี้ในการ ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ เนื่องจากอาจตรวจพบได้ว่าผู้ใช้ออกจากระบบ ทุก 24 ชั่วโมง ผู้ใช้ต้องทำตามขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งเพื่อเปิดใช้งานอีกครั้ง คุกกี้

มีปัญหาอื่นๆ อีกไหม

โปรดไปที่ เครื่องมือติดตามปัญหา GitHub สำหรับปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับไลบรารี Google Sign-In