ความเป็นส่วนตัวและการรับส่งข้อความ JavaScript API

เกริ่นนำ

API นี้มีเครื่องมือในการโต้ตอบกับข้อความที่นำเสนอโดยแท็บความเป็นส่วนตัวและข้อความ โดยคุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้

• ระงับการรับส่งข้อความสำหรับผู้ใช้ที่กำหนด
• ค้นหาสถานะการบล็อกโฆษณาของผู้ใช้
• อนุญาตให้ผู้ใช้เพิกถอนความยินยอม (หากมี)

คุณยังสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อรวบรวมความยินยอมของผู้ใช้โดยใช้โปรโตคอลมาตรฐานอุตสาหกรรมบางโปรโตคอลได้ด้วย

• ความยินยอมตาม GDPR โดยใช้ข้อกําหนด TCF เวอร์ชัน 2 ของ IAB
• การเลือกไม่ใช้ CPRA โดยใช้ข้อกำหนด CPRA ของ IAB GPP

ในกรณีดังกล่าว API เหล่านั้นจะแจ้งสถานะความยินยอม

คุณใช้ฟังก์ชันการรับส่งข้อความถึงผู้ใช้นี้ในเว็บไซต์ได้ 2-3 วิธี ดังนี้

1. ในกรณีส่วนใหญ่ คุณไม่จําเป็นต้องติดแท็กใหม่เลย แท็กผู้เผยแพร่โฆษณาของ Google หรือแท็ก AdSense ที่มีอยู่จะใช้ข้อความของผู้ใช้เมื่อมีการเผยแพร่ข้อความในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
2. หากคุณใช้ข้อความการกู้คืนรายได้จากการบล็อกโฆษณา คุณต้องเพิ่มแท็กการบล็อกโฆษณาลงในหน้าเว็บอย่างชัดแจ้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วิธีการติดแท็ก Ad Manager และ AdSense

googlefc เป็นเนมสเปซส่วนกลางที่ฟังก์ชันการรับส่งข้อความของผู้ใช้ใช้สำหรับ API ใน JavaScript Window

ข้อมูลสรุปในช่อง

ชื่อ	ประเภท	คำจำกัดความ
googlefc.controlledMessagingFunction	ฟังก์ชัน(!Object)	ฟังก์ชันที่กําหนดว่าจะดําเนินการรับส่งข้อความใดๆ ต่อไปหรือไม่ ฟังก์ชันนี้ใช้ได้ในข้อความทุกประเภท
googlefc.callbackQueue	!Array<!Object<string, function()>> | !Array<function()> | !googlefc.CallbackQueue	ใช้อ้างอิงคิวโค้ดเรียกกลับเพื่อเรียกใช้คำค้นหาการรับส่งข้อความของผู้ใช้แบบอะซิงโครนัส
googlefc.CallbackQueue	!ออบเจ็กต์	ประเภทของออบเจ็กต์คิวการโทรกลับ
googlefc.AdBlockerStatusEnum	!Object<สตริง, ตัวเลข>	enum เพื่อแสดงสถานะตัวบล็อกโฆษณาของผู้ใช้
googlefc.AllowAdsStatusEnum	!Object<สตริง, ตัวเลข>	enum ที่ใช้แทนสถานะอนุญาตโฆษณาของผู้ใช้
googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum	!Object<สตริง, ตัวเลข>	enum ที่จะแสดงสถานะ CPRA เริ่มต้นของผู้ใช้
googlefc.ccpa.overrideDnsLink	undefined|boolean	บูลีนที่สามารถตั้งค่าเป็น "จริง" เพื่อใช้ลิงก์ "ห้ามขาย" ที่กำหนดเอง

สรุปเมธอด

ชื่อ	ประเภทการแสดงผล	คำจำกัดความ
googlefc.showRevocationMessage()	ไม่ได้กำหนด	ล้างบันทึกความยินยอมและโหลดสคริปต์ googlefc ซ้ำเพื่อแสดงข้อความขอความยินยอมที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้
googlefc.getAdBlockerStatus()	ตัวเลข	แสดงผลค่าใน AdBlockerStatusEnum โดยขึ้นอยู่กับสถานะการบล็อกโฆษณาของผู้ใช้
googlefc.getAllowAdsStatus()	ตัวเลข	แสดงผลค่าใน AllowAdsStatusEnum โดยขึ้นอยู่กับสถานะการอนุญาตโฆษณาของผู้ใช้
googlefc.ccpa.getInitialCcpaStatus()	ตัวเลข	แสดงผลค่าใน InitialCcpaStatusEnum โดยขึ้นอยู่กับสถานะ CPRA เริ่มต้นของผู้ใช้
googlefc.ccpa.openConfirmationDialog(function(boolean))	ไม่ได้กำหนด	เปิดกล่องโต้ตอบการยืนยัน CPRA หากลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" เริ่มต้นถูกลบล้าง

การทดสอบและการแก้ไขข้อบกพร่องในเว็บไซต์ของคุณ

ความเป็นส่วนตัวและการรับส่งข้อความมีฟังก์ชันการแก้ไขข้อบกพร่องและการทดสอบที่ช่วยให้คุณเห็นว่าข้อความ (หรือข้อความชุดใดรวมกัน) มีลักษณะอย่างไรบนเว็บไซต์จริง

สิ่งที่ต้องมีก่อน

• ข้อความที่คุณต้องการแสดงตัวอย่างต้องเผยแพร่ภายใต้เว็บไซต์ที่คุณกำลังทดสอบ

คุณดูตัวอย่างจริงบนเว็บไซต์ได้โดยใช้พารามิเตอร์ของ URL การแก้ไขข้อบกพร่องต่อไปนี้

พารามิเตอร์การแก้ไขข้อบกพร่อง	ค่าที่อนุญาต
fc	alwaysshow (เพื่อทริกเกอร์โหมดแก้ไขข้อบกพร่อง/แสดงตัวอย่าง)
fctype	ab (ข้อความการบล็อกโฆษณา), ccpa (ข้อความแสดงการไม่ให้ความยินยอมตาม CPRA), gdpr (ข้อความขอความยินยอมตาม GDPR), monetization (ข้อความ Offerwall)

ตัวอย่างบางส่วนของวิธีใช้เครื่องมือนี้แสดงตัวอย่างในเว็บไซต์ของคุณ (foo.com)

• ทดสอบข้อความ CPRA -- http://foo.com/?fc=alwaysshow&fctype=ccpa
• ทดสอบการรับส่งข้อความ GDPR -- http://foo.com/?fc=alwaysshow&fctype=gdpr

ฟิลด์: คำอธิบายและตัวอย่าง

googlefc.controlledMessagingFunction {function(!Object)}

ฟังก์ชันที่กำหนดว่าข้อความควรแสดงหรือไม่ ซึ่งสามารถใช้เพื่อปิดกั้นการแสดงข้อความตามเงื่อนไขที่ผู้เผยแพร่โฆษณาระบุ เช่น สถานะสมาชิกหรือ URL ของหน้าเว็บ

เมื่อกำหนด googlefc.controlledMessagingFunction ในหน้าต่างก่อนที่จะโหลดสคริปต์อื่นๆ ข้อความจะไม่ปรากฏจนกว่าคุณจะเรียกใช้ message.proceed(boolean) การเรียกใช้ message.proceed(true) ช่วยให้รับส่งข้อความได้ตามปกติ ส่วนการเรียก message.proceed(false) จะป้องกันไม่ให้ระบบแสดงข้อความสําหรับการดูหน้าเว็บ

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมีสคริปต์นี้ในหน้าซึ่งกำหนดฟังก์ชัน determineIfUserIsSubscriber() ที่ไม่ซิงค์กัน ซึ่งจะตรวจสอบว่าผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบเป็นผู้สมัครใช้บริการหรือไม่

<head>
  <script>
    window.isSubscriber = undefined;
    function determineIfUserIsSubscriber() {
      if (isSubscriber !== undefined) {
        return isSubscriber;
      }
      return new Promise(resolve => {
        setTimeout(() => {
          // Change this to true if you want to test what subscribers would see.
          window.isSubscriber = false;
          resolve(window.isSubscriber);
        }, 1000);
      });
    }
  </script>
</head>

นี่คือตัวอย่างวิธีการใช้ googlefc.controlledMessagingFunction เพื่อแสดงข้อความต่อผู้ที่ไม่ได้ติดตามเท่านั้น

<head>
  <script>
    // Define googlefc and the controlled messaging function on the Window.
    window.googlefc = window.googlefc || {};
    googlefc.controlledMessagingFunction = async (message) => {
      // Determine if the user is a subscriber asynchronously.
      const isSubscriber = await determineIfUserIsSubscriber();

      if (isSubscriber) {
        // If the user is a subscriber, don't show any messages.
        message.proceed(false);
      } else {
        // Otherwise, show messages as usual.
        message.proceed(true);
      }
    }
  </script>
</head>

นอกจากนี้ ยังมีส่วนขยายของฟีเจอร์นี้ที่ช่วยให้ผู้เผยแพร่โฆษณาใน Offerwall รุ่นเบต้าแบบปิดของ Offerwall ระบุได้ว่าควรระงับเฉพาะ Offerwall เท่านั้น ข้อความประเภทอื่นๆ จะไม่ได้รับผลกระทบเมื่อฟีเจอร์นี้มีผล

การรับส่งข้อความที่มีการควบคุมเฉพาะของ Offerwall จะดำเนินการโดยการส่งพารามิเตอร์เพิ่มเติมไปยัง message.proceed() ซึ่งเป็น Array ประเภท googlefc.MessageTypeEnum

ตัวอย่างเช่น นี่คือตัวอย่างของการใช้ googlefc.controlledMessagingFunction เพื่อระงับการแสดง Offerwall สำหรับสมาชิกเท่านั้น โดยไม่ระงับข้อความประเภทอื่นๆ

<head>
  <script>
    // Define googlefc and the controlled messaging function on the Window.
    window.googlefc = window.googlefc || {};
    googlefc.controlledMessagingFunction = async (message) => {
     // Determine if the Offerwall should display or not.
     const shouldDisplayOfferwall = await determineIfUserIsSubscriber();
     const applicableMessageTypes = [];

     if (!shouldDisplayOfferwall) {
       // Do not show the Offerwall, but allow other message types to display.
       applicableMessageTypes.push(window.googlefc.MessageTypeEnum.OFFERWALL);
       message.proceed(false, applicableMessageTypes);
     } else {
       // Otherwise, show messages as usual.
       message.proceed(true);
     }
    }
  </script>
</head>

---

googlefc.callbackQueue {!Array<!Object<string, function()>> | !Array<function()> | !googlefc.CallbackQueue}

ใช้อ้างอิงคิวโค้ดเรียกกลับส่วนกลางสำหรับการเรียกใช้แบบอะซิงโครนัสสำหรับการเรียกที่เกี่ยวข้องกับการรับส่งข้อความ วิธีเดียวที่รองรับในการเรียกใช้ฟังก์ชันคือการเพิ่มฟังก์ชันลงใน callbackQueue

เนื่องจากข้อมูลประเภทต่างๆ จะพร้อมใช้งานในเวลาที่ต่างกัน คุณควรเพิ่มฟังก์ชันเป็นแผนที่ โดยมีสตริงใดสตริงหนึ่งต่อไปนี้เป็นคีย์ และฟังก์ชันที่จะเรียกใช้เป็นค่า

คีย์ที่รองรับ:

ชื่อคีย์	การใช้งาน	เวลาในการตอบสนองแบบสัมพัทธ์
CONSENT_API_READY	ฟังก์ชันที่พุชไปยังคิวโค้ดเรียกกลับด้วยคีย์ CONSENT_API_READY จะทำงานเมื่อมีการกำหนดและเรียกใช้ API สำหรับเฟรมเวิร์กความยินยอมที่รองรับได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป การดำเนินการฟังก์ชันที่ผูกกับ CONSENT_API_READY ซึ่งเพิ่มในภายหลังจะเป็นแบบพร้อมกัน ดูรายละเอียดเฉพาะเกี่ยวกับเฟรมเวิร์กได้ในส่วน กรอบของ IAB	ต่ำ
CONSENT_DATA_READY	ฟังก์ชันที่พุชไปยังคิวโค้ดเรียกกลับที่มีคีย์ CONSENT_DATA_READY จะทำงานเมื่อทราบความยินยอมของผู้ใช้ที่รวบรวมภายใต้เฟรมเวิร์กความยินยอมที่รองรับ (ไม่ว่าจะเป็นจากการดำเนินการก่อนหน้าหรือเมื่อผู้ใช้โต้ตอบกับข้อความขอความยินยอม) ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป การดำเนินการฟังก์ชันที่ผูกกับ CONSENT_DATA_READY ซึ่งเพิ่มในภายหลังจะเป็นแบบพร้อมกัน	สูง
AD_BLOCK_DATA_READY	ฟังก์ชันที่พุชไปยังคิวโค้ดเรียกกลับด้วยคีย์ AD_BLOCK_DATA_READY จะทำงานเมื่อมีข้อมูลการบล็อกโฆษณาพร้อมใช้งานในโฟลว์ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป การดําเนินการของฟังก์ชันที่ผูกกับ AD_BLOCK_DATA_READY ที่เพิ่มเข้ามาในภายหลังจะเป็นแบบพร้อมกัน	สูง
INITIAL_CCPA_DATA_READY	ระบบจะเรียกใช้ฟังก์ชันที่พุชไปยังคิวเรียกกลับที่มี INITIAL_CCPA_DATA_READY เมื่อมีข้อมูล CPRA แสดงในโฟลว์ โปรดทราบว่าคุณควรได้รับคำขอข้อมูล CPRA ในภายหลังโดยการเรียกใช้ US Privacy API (__uspapi) โดยตรง	สื่อ

---

googlefc.CallbackQueue {!Object}

สรุปเมธอด:

ชื่อ	ประเภท	พารามิเตอร์	ประเภทการแสดงผล	บทบาท
push(data)	ตัวเลข	data: คู่คีย์-ค่าที่คีย์เป็นหนึ่งในประเภทความพร้อมใช้งานของข้อมูลและค่าเป็นฟังก์ชัน JavaScript ที่จะดำเนินการ คีย์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลที่ยอมรับได้คือ CONSENT_API_READY, CONSENT_DATA_READY, AD_BLOCK_DATA_READY และ INITIAL_CCPA_DATA_READY	จำนวนคำสั่งที่เพิ่มจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะแสดงความยาวปัจจุบันของอาร์เรย์	เรียกใช้ฟังก์ชันที่ส่งผ่าน ตามลำดับข้อมูลที่พร้อมใช้งาน จากนั้นตามลำดับที่เพิ่มฟังก์ชันเหล่านี้ลงในคิว

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback on the callbackQueue.
  googlefc.callbackQueue.push({
    'AD_BLOCK_DATA_READY':
    () => {
      if (googlefc.getAdBlockerStatus() == googlefc.AdBlockerStatusEnum.NO_AD_BLOCKER) {
        // Handle a non-ad blocking user.
      }
    }
  });
</script>

---

googlefc.AdBlockerStatusEnum {!Object<string, number>}

แสดงสถานะการบล็อกโฆษณาที่แตกต่างกันของผู้ใช้ สถานะต่างๆ ได้แก่

googlefc.AdBlockerStatusEnum = {
  // Something failed, in an unknown state.
  UNKNOWN: 0,
  // The user was running an extension level ad blocker.
  EXTENSION_AD_BLOCKER: 1,
  // The user was running a network level ad blocker.
  NETWORK_LEVEL_AD_BLOCKER: 2,
  // The user was not blocking ads.
  NO_AD_BLOCKER: 3,
};

---

googlefc.AllowAdsStatusEnum {!Object<string, number>}

แสดงสถานะการอนุญาตการบล็อกโฆษณาประเภทต่างๆ ของผู้ใช้ สถานะต่างๆ มีดังนี้

googlefc.AllowAdsStatusEnum = {
  // Something failed, in an unknown state.
  UNKNOWN: 0,
  // User is currently using an ad blocker, was never using an ad blocker, or
  // allowed ads, but not because they saw the Privacy & messaging message.
  ADS_NOT_ALLOWED: 1,
  // User is no longer using an ad blocker after seeing the ad blocking message.
  ADS_ALLOWED: 2,
};

googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum{!Object<string, number>}

แสดงสถานะการอนุญาตการบล็อกโฆษณาประเภทต่างๆ ของผู้ใช้ สถานะต่างๆ มีดังนี้

googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum = {
  // Something failed, in an unknown state.
  UNKNOWN: 0,
  // CPRA does not apply to this user.
  CCPA_DOES_NOT_APPLY: 1,
  // CPPA applies to this user, and the user has not opted out yet.
  NOT_OPTED_OUT: 2,
  // CPPA applies to this user, and the user has opted out.
  OPTED_OUT: 3,
};

googlefc.ccpa.overrideDnsLink{undefined|boolean}

ตั้งค่าช่องนี้เป็น true เพื่อซ่อนลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" เริ่มต้นและใช้ลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" ที่กำหนดเอง

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  // Signals that the default DNS link will be overridden.
  googlefc.ccpa.overrideDnsLink = true;
</script>

วิธีการ: คำอธิบายและตัวอย่าง

googlefc.getConsentStatus(): {number}

---

googlefc.getConsentedProviderIds(): {!Array<string>}

1. ซึ่งระบบจะแสดงรายการที่ว่างเปล่าขึ้นมาเสมอเมื่อเรียกใช้

---

googlefc.showRevocationMessage(): {undefined}

ล้างบันทึกความยินยอมปัจจุบันและแสดงข้อความขอความยินยอมที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้รายนี้ คีย์ที่ควรระบุสำหรับฟังก์ชันนี้คือ CONSENT_DATA_READY

เช่น

<button type="button" onclick="googlefc.callbackQueue.push({'CONSENT_DATA_READY': () => googlefc.showRevocationMessage()});">
  Click here to revoke
</button>

---

googlefc.getAdBlockerStatus(): {number}

แสดงผลค่าใน AdBlockerStatusEnum โดยขึ้นอยู่กับสถานะการบล็อกโฆษณาของผู้ใช้ คีย์ที่ควรระบุสำหรับฟังก์ชันนี้คือ AD_BLOCK_DATA_READY

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback on the callbackQueue.
  googlefc.callbackQueue.push({
    'AD_BLOCK_DATA_READY':
    () => {
      switch (googlefc.getAdBlockerStatus()) {
          case googlefc.AdBlockerStatusEnum.EXTENSION_LEVEL_AD_BLOCKER:
          case googlefc.AdBlockerStatusEnum.NETWORK_LEVEL_AD_BLOCKER:
            // Insert handling for cases where the user is blocking ads.
            break;
          case googlefc.AdBlockerStatusEnum.NO_AD_BLOCKER:
            // Insert handling for cases where the user is not blocking ads.
            break;
          case googlefc.AdBlockerStatusEnum.UNKNOWN:
            // Insert handling for unknown cases.
            break;
      }
    }
  });
</script>

---

googlefc.getAllowAdsStatus(): {number}

แสดงผลค่าใน AllowAdsStatusEnum โดยขึ้นอยู่กับสถานะการอนุญาตโฆษณาของผู้ใช้ คีย์ที่ควรระบุสำหรับฟังก์ชันนี้คือ AD_BLOCK_DATA_READY

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback on the callbackQueue.
  googlefc.callbackQueue.push({
    'AD_BLOCK_DATA_READY':
    () => {
      switch (googlefc.getAllowAdsStatus()) {
        case googlefc.AllowAdsStatusEnum.ADS_NOT_ALLOWED:
          // Insert handling for cases where the user has not allowed ads.
          // The user may have never been an ad blocker.
          break;
        case googlefc.AllowAdsStatusEnum.ADS_ALLOWED:
          // Insert handling for cases where the user saw the ad blocking
          // message and allowed ads on the site.
          break;
        case googlefc.AllowAdsStatusEnum.UNKNOWN:
          // Insert handling for unknown cases.
          break;
      }
    }
  });
</script>

---

googlefc.ccpa.getInitialCcpaStatus(): {number}

แสดงผลค่าใน InitialCcpaStatusEnum โดยขึ้นอยู่กับสถานะ CPRA ของผู้ใช้ คีย์ที่ควรระบุสำหรับฟังก์ชันนี้คือ INITIAL_CCPA_DATA_READY โปรดทราบว่าคุณควรได้รับคำขอข้อมูล CPRA ในภายหลังโดยการเรียกใช้ US Privacy API (__uspapi) โดยตรง

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback on the callbackQueue.
  googlefc.callbackQueue.push({
    'INITIAL_CCPA_DATA_READY':
    () => {
      switch (googlefc.ccpa.getInitialCcpaStatus()) {
        case googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum.CCPA_DOES_NOT_APPLY:
          // Insert handling for cases where the user is not CPRA eligible.
          break;
        case googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum.NOT_OPTED_OUT:
          // Insert handling for cases where the user is CPRA eligible and has
          // not opted out.
          break;
        case googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum.OPTED_OUT:
          // Insert handling for cases where the user is CPRA eligible and has
          // opted out.
          break;
      }
    }
  });
</script>

---

googlefc.ccpa.openConfirmationDialog(function(boolean)): {undefined}

เปิดกล่องโต้ตอบการยืนยัน CPRA หากลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" ตามค่าเริ่มต้นถูกลบล้าง เมื่อผู้ใช้โต้ตอบกับกล่องโต้ตอบการยืนยัน ระบบจะเรียกใช้ฟังก์ชันเรียกกลับที่ระบุด้วย true หากผู้ใช้ตัดสินใจที่จะเลือกไม่ใช้ และระบบจะเรียกใช้ false ในกรณีอื่นๆ

เช่น

<script>
// This callback will be called with the user CPRA decision.
const ccpaCompletionCallback = (userOptedOut) => {
  // Insert handling for user opt-out status here.
}
// Invoke the CPRA confirmation dialog when the user clicks the link.
document.getElementById("your-custom-ccpa-do-not-sell-link").addEventListener(
  "click", () => googlefc.ccpa.openConfirmationDialog(ccpaCompletionCallback));
</script>

การใช้โซลูชันการจัดการความยินยอมของ Google กับ TCF เวอร์ชัน 2 ของ IAB สำหรับ GDPR

หากใช้โซลูชันการจัดการความยินยอมของ Google เพื่อรวบรวมความยินยอมตาม GDPR ภายใต้เฟรมเวิร์ก TCF เวอร์ชัน 2 ของ IAB คุณควรใช้ API TCF เวอร์ชัน 2 ของ IAB

คุณสามารถใช้คีย์คิวเรียกกลับของ CONSENT_API_READY เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการเรียกใช้โค้ดเรียกกลับที่เกี่ยวข้องเฉพาะเมื่อมีการกำหนด API TCF เวอร์ชัน 2 ของ IAB ในหน้าเท่านั้น ซึ่งควรใช้ร่วมกับคำสั่ง 'addEventListener' ของ IAB TCF v2 API

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback using the CONSENT_API_READY key on the callbackQueue.
  window.googlefc.callbackQueue.push({
    'CONSENT_API_READY':
    () => __tcfapi('addEventListener', 2.2, (data, success) => {
      // Do something with consent data value; this callback may be invoked
      // multiple times as user completes consent flow.
    })
  });
</script>

คุณสามารถใช้คีย์คิวโค้ดเรียกกลับของ CONSENT_DATA_READY เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการเรียกใช้โค้ดเรียกกลับที่เกี่ยวข้องเฉพาะเมื่อมีการรวบรวมและเข้าถึงความยินยอมของผู้ใช้โดยใช้ IAB TCF v2 API เท่านั้น ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับคําสั่ง 'addEventListener' ได้ ข้อมูลที่ให้ไว้ในการเรียกใช้ครั้งแรกของโค้ดเรียกกลับที่ระบุจะมีการเลือกความยินยอมของผู้ใช้ (ตราบใดที่ TCF เวอร์ชัน 2 มีผลกับผู้ใช้รายนี้) โปรดทราบว่าการเปิดตัว TCF เวอร์ชัน 2.2 จะทำให้เลิกใช้งานคำสั่ง 'getTCData' แล้ว

เช่น

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback using the CONSENT_DATA_READY key on the callbackQueue.
  window.googlefc.callbackQueue.push({
    'CONSENT_DATA_READY':
    () => __tcfapi('addEventListener', 2.2, (data, success) => {
      // Do something with consent data value; this callback may be invoked
      // multiple times if user consent selections change.
    })
  });
</script>

การใช้โซลูชันการจัดการความยินยอมของ Google กับกรอบ GPP ของ IAB สำหรับ CPRA

หากคุณใช้โซลูชันการจัดการความยินยอมของ Google เพื่อรวบรวมการเลือกไม่ใช้ CPRA ภายใต้เฟรมเวิร์ก GPP ของ IAB คุณควรใช้ IAB GPP API

เนื่องจากกฎระเบียบ CPRA มักเลือกไม่ใช้ คุณจึงอาจใช้คีย์คิวโค้ดเรียกกลับ CONSENT_API_READY หรือ CONSENT_DATA_READY เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเรียกใช้ IAB GPP API ได้และส่งคืนข้อมูลความยินยอม ณ เวลาที่มีการเรียกใช้โค้ดเรียกกลับ

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Queue the callback on the callbackQueue.
  window.googlefc.callbackQueue.push({
    'CONSENT_DATA_READY':
    () => __uspapi('getUSPData', 1, (data, success) => {
      // Do something with consent data value.
    })
  });
</script>

การใช้โซลูชันการจัดการความยินยอมของ Google กับกรอบ GPP ของ IAB สำหรับ CPRA ที่มีลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" ที่กำหนดเอง

หากใช้โซลูชันการจัดการความยินยอมของ Google เพื่อรวบรวมการเลือกไม่ใช้ CPRA ภายใต้เฟรมเวิร์ก GPP ของ IAB คุณระบุลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" ที่กำหนดเองได้โดยการตั้งค่า googlefc.ccpa.overrideDnsLink เป็น true

<script>
  // Make sure that the properties exist on the window.
  window.googlefc = window.googlefc || {};
  window.googlefc.ccpa = window.googlefc.ccpa || {}
  window.googlefc.callbackQueue = window.googlefc.callbackQueue || [];

  // Signals that the default DNS link will be overridden.
  window.googlefc.ccpa.overrideDnsLink = true;

  // Register the callback for the initial CPRA data.
  window.googlefc.callbackQueue.push({
      'INITIAL_CCPA_DATA_READY': () => {
        if (googlefc.ccpa.getInitialCcpaStatus() ===
            googlefc.ccpa.InitialCcpaStatusEnum.NOT_OPTED_OUT) {
          // TODO: Display custom CPRA Do Not Sell link here.
        }
      }
    });
</script>

วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" ที่เป็นค่าเริ่มต้นจะไม่แสดงผล โปรดทราบว่าคุณมีหน้าที่แสดงลิงก์ "ไม่อนุญาตให้ขาย" ของคุณเองเพื่อให้สอดคล้องกับ CPRA จากนั้นจัดการการโต้ตอบของผู้ใช้กับลิงก์ "ไม่ขาย" ที่กำหนดเองโดยเรียกใช้กล่องโต้ตอบการยืนยัน CPRA

<script>
// This callback will be called with the user CPRA decision.
const ccpaCompletionCallback = (userOptedOut) => {
  if (userOptedOut) {
    // TODO: Hide custom CPRA Do Not Sell link here.
  }
}
// Invoke the CPRA confirmation dialog when the user clicks the link.
document.getElementById("your-custom-ccpa-do-not-sell-link").addEventListener(
  "click", () => googlefc.ccpa.openConfirmationDialog(ccpaCompletionCallback));
</script>