Work Text:
หัวใจเต้นแรงกว่าปกติจนปวดหน้าอก เหงื่อผุดพรายไหลโซมทำเอาเหนียวตัวทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน ค่อนข้างเย็นด้วยซ้ำเมื่อด้านนอกมีสายฝนโปรยปราย เขาฝัน ฝันอีกแล้ว ฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว โทโดยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมหน้าก่อนมือจะเลื่อนขึ้น นิ้วจิกกำเส้นผมตนเองแน่นเพื่อระบายความอึดอัดคล้ายจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อในทุกอณูกาย เขากำลังหายใจ แต่กลับรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เสียงหอบระรัวก้องในโสตประสาท เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้คร่ำครวญของรุ่นพี่ที่เพิ่งส่งยิ้มอบอุ่นให้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับมาเล่นใหม่ไม่ขาดตกแม้สักวินาทีข้างในหัว เจ็บ เขาเจ็บใจ เกลียด เขาเกลียดตัวเอง หากไม่ได้พูดออกไป ไม่ หากไม่ได้ขว้างพลาดแต่แรกล่ะก็—
เสียงขยับตัวของใครอีกคนที่นอนข้างกันเรียกสติเสี้ยวหนึ่งให้กลับคืนมา โทโดเหลือบมองแผ่นหลังเจ้าของห้องที่ยังหลับ จิฮายะเป็นคนใช้ชีวิตค่อนข้างระมัดระวัง ทั้งรูปแบบการออกกำลังกาย อาหารที่กิน รวมถึงเวลาพักผ่อนต่างก็ถูกจัดสรรเป็นระบบระเบียบเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการเล่นเบสบอลเสมอ คงไม่ดีหากเขายังส่งเสียงรบกวนจิฮายะอย่างนี้ ออกไปข้างนอกดีกว่า โทโดเขยิบตัวถอยจากตำแหน่งเดิมของตนเอง ฝ่าเท้าขวาเพิ่งแตะพื้นตอนเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมา
“จะไปไหน”
เสียงแหบต่ำฟังไม่คุ้นหูทำเขาเผลอสะดุ้งโหยง โทโดกลืนน้ำลาย คายคำกลบเกลื่อนออกไป
“...ดื่มน้ำ นายเอาด้วยไหม”
“รบกวนด้วยครับ”
เมื่อเขากลับเข้าไปในห้อง จิฮายะนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ใบหน้าปราศจากแว่นกรอบแดงประดับดูอ่อนเยาว์ ไร้เดียงสา ไร้วี่แววคนเจ้าเล่ห์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางใบมีดแฝงไว้ใต้ถ้อยคำและท่าทีสุภาพ โทโดเคยคิดเช่นนั้น ทว่าในเวลานี้เขากลับรู้สึกว่าการมองสบกับดวงตาของจิฮายะโดยไม่มีแผ่นเลนส์ใสกั้นกลับน่าหวาดหวั่นกว่าเคย โทโดหลุบตา ยื่นแก้วน้ำให้จิฮายะผู้รับมันไปโดยไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณ
“ฝันร้ายสินะครับ”
จิฮายะเริ่มบทสนทนาอย่างตรงไปตรงมา ราวกับตั้งใจบอกว่าคิดจะโกหกไปก็ไร้ประโยชน์ โทโดพยักหน้า ก้มมองมือของตนเอง ริมฝีปากขยับอย่างไร้เสียงสองสามครั้งก่อนคำถามจะดัง
“จิฮายะ ถ้า... สมมุติว่า ถ้าทีมเราไม่ได้เป็นมือสมัครเล่น ถ้าเรามีตัวสำรอง สำหรับนาย ฉันที่ขว้างลูกจากตำแหน่งของตัวเองไปเบสหนึ่งไม่ได้...”
จะยังใช้งานในฐานะชอร์ทสต็อปได้หรือเปล่า?
นายจะยังอยากใช้งานฉันในฐานะชอร์ทสต็อปอยู่อีกหรือเปล่า?
“ขอพูดตามตรงเลยนะ” จิฮายะยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ดื่มน้ำที่เหลือจนหมดแล้วจึงให้คำตอบ “ตอนซ้อมรวม จำลองการแข่ง ผมจะให้ใครสักคนสแตนบายรอเปลี่ยนตัว แต่ตราบใดที่โทโดคุงไม่คิดจะยอมแพ้ ผมก็จะไม่ยอมแพ้กับการหาวิธีช่วยนายเหมือนกัน และต่อให้นายยอมแพ้ ผมก็จะทำให้นายกลับไปยืนตรงตำแหน่งเดิมให้ได้อยู่ดี แต่น่าเสียดายที่ในความเป็นจริงเราไม่มีตัวสำรองให้ใช้งาน เพราะอย่างนั้นไม่ว่านายจะไหวไม่ไหวยังไงตำแหน่งชอร์ทของทีมก็มีแค่โทโดคุงคนเดียว ... ยังไงก็ระวังไหล่ด้วย อย่ากดดันตัวเองให้ทำอะไรที่มันเกินไปล่ะ ช่วยรู้ขอบเขตด้วย“
“อือ”
“อือ?”
“...ฉัน...จะระวังให้ดี” อยู่ ๆ ความคิดก็ไม่เกาะตัวเป็นถ้อยคำให้กล่าว ในคอรู้สึกขัดเคืองราวมีก้อนหินขวาง โทโดกลืนมันลงไป อย่างน้อยเขาก็อยากจะพูดประโยคนี้ให้ชัด “ขอบคุณนะ จิฮายะ”
และคงเพราะระบบควบคุมการยับยั้งชั่งใจไม่อาจปฏิบัติการได้เต็มที่ในเวลาใกล้รุ่งสาง เขาจึงโน้มตัวลงซบไหล่คนตัวเล็กกว่า
“ดีจังที่มีนายอยู่ด้วย”
ในโลกของกีฬาที่เรียกว่าเบสบอล
ในโรงเรียน ในชมรม
ที่นี่ ตรงนี้ ตอนนี้
โทโด อาโออิไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา แต่ก็ไม่ใช่คนกดเก็บอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไว้ได้เก่ง เขาทำเสื้อจิฮายะเปียกไปหมดแล้ว โทโดรู้ ตื่นอีกทีตอนเช้าคงอายน่าดู คนนิสัยไม่ดีอย่างจิฮายะเองก็คงไม่พลาดโอกาสเก็บเรื่องนี้ไปเป็นอาวุธเล่นงานเขาในสักวัน แต่ถึงคิดเช่นนั้นเขาก็ยังอยากสัมผัสความอบอุ่นจากจิฮายะนานขึ้นอีกสักหน่อยอยู่ดี
—